เด็กไทยโชว์พลังสร้างสรรค์ ต่อหุ่นยนต์เลโก้นักกีฬาปิงปอง อวดมันสมองต่างชาติในงานหุ่นยนต์อินเตอร์ที่แดนลอดช่อง ชนะใจกรรมการเพราะหุ่นมีปฏิสัมพันธ์กับคน แถมยังฝึกนักกีฬาได้ทั้งทักษะแบ็คแฮนด์ โฟร์แฮนด์ งานนี้ได้รับการส่งเสริมเต็มที่ทั้งทางบ้านและโรงเรียน ด้านการทำงานเด็กๆ รวมกลุ่มกันเป็นทีม คิดเอง แก้ปัญหา บางครั้งต้องเรียนโดดเรียนมาทุ่มเท
ในการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ “เวิร์ลด โรบอท โอลิมเพียด 2004” (World Robot Olympiad: WRO 2004) ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติสิงคโปร์ (Singapore Science Center) ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 5-7 พ.ย. 47 ที่ผ่านมา ตัวแทนเยาวชนไทยหลายทีมได้แสดงความสามารถด้วยการคว้าเหรียญรางวัลกลับมา ทั้งหมด 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงและอีก 1 รางวัลชมเชย การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติครั้งนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 102 ทีม จากทั้งหมด 14 ประเทศ โดยทีมจากประเทศไทยยังทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 ในการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย
“สัมผัสพลังสร้างสรรค์”
สำหรับเหรียญทองที่เยาวชนไทยคว้ามาได้นี้เป็นรางวัลในประเภทความคิดสร้างสรรค์ (Open Category) และเป็นผลงานของนักเรียนจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล 3 คนคือ ด.ช.ฐิตวัฒน์ บวรวานิชยกูร กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.1 ด.ช.ภูมิ ณรงค์เกียรติคุณและ ด.ช.กฤช เกียรติพิริยะวงศ์ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.2 โดยมีอาจารย์วิทยายุทธ สีทอง เป็นผู้ควบคุมทีม ทั้ง 3 ใช้ชื่อทีมว่า “เอสจี 3”(SG 3) ย่อมาจาก “เซนต์คาเบรียลทีม 3” (Saint Gabriel’s Team 3) พวกเขาได้เลือกทำหุ่นยนต์เทเบิลเทนนิสชื่อ “โรโบ เทเบิล เทนนิส เทรนเนอร์” (Robo Table Tennis Trainer) เพื่อไปตอบโจทย์ในหัวข้อ “โอลิมปิกเกม” (Olympic Game) ที่ทางคณะกรรมการกำหนด
อาจารย์วิทยายุทธเล่าว่าหุ่นยนต์ที่นำไปแข่งขันครั้งนี้เป็นหุ่นยนต์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโอลิมปิก ในหัวข้อความคิดสร้างสรรค์ซึ่งจะแตกต่างจากหุ่นยนต์ประเภทอื่นๆ โดยภารกิจการสร้างหุ่นยนต์จะต้องเสร็จสิ้นก่อนการไปแข่งขัน และที่น้องๆ ทีม “เอสจี 3” เลือกสร้างหุ่นยนต์กีฬาเทเบิลเทนนิสเพราะ น้องภูมิสมาชิกในทีมเป็นนักกีฬาประเภทนี้อยู่ หุ่นยนต์ที่น้องๆ สร้างขึ้น สามารถเป็นคู่ซ้อมให้กับนักกีฬาได้โดยจะยิงลูกปิงปองให้นักกีฬาฝึกตี และใช้ได้กับผู้เล่นที่ยังไม่มีทักษะในการเล่นไปจนถึงผู้ที่ต้องการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตี
อาจารย์วิทยายุทธกล่าวว่านี่คือจุดเด่นที่ทำให้หุ่นยนต์ของทีม “เอสจี 3” ได้รับรางวัล เพราะหุ่นยนต์ของทีม “เอสจี 3” มีปฏิสัมพันธ์กับคนที่ใช้งาน และมีคุณสมบัติตรงกับโจทย์ที่ให้ไว้มากที่สุด ต่างจากหุ่นยนต์ประเภทสร้างสรรค์ของประเทศอื่นๆ ที่เพียงแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปพัฒนาเพื่อการกีฬาได้จริง อาจารย์วิทยายุทธเล่าต่อไปว่านักเรียนทั้ง 3 ตื่นเต้นและตกใจกับความสามารถของหุ่นยนต์จากประเทศอื่นๆ ไม่เหลือความมั่นใจเต็มร้อยที่นำไปด้วย
“หุ่นยนต์ยิมนาสติกจากจีนนะครับ สุดยอดเลย” ฐิตวัฒน์โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประทับใจ อาจารย์วิทยายุทธเล่าว่าเขาเองก็ทึ่งกับหุ่นยนต์ยิมนาสติกไม่น้อย เพราะสามารถที่จะเล่นห่วงคู่และโหนขึ้นไปได้ “เท่าที่เห็นจะเป็นหุ่นยิมนาสติกซะส่วนใหญ่ แต่ที่เห็นแล้วเรากลัวมากที่สุดก็คือ “หุ่นยิงปืน” อลังการมาก คือว่าในหัวข้อครีเอทีฟ เขาจะไม่กำหนดว่าให้ใช้อุปกรณ์แค่เลโก้ จะใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ สร้างหุ่นยนต์ให้ตรงกับโจทย์ที่เขาต้องการ แล้วประเทศที่เขาทำหุ่นยนต์ยิงปืนนี่ เขาจะใช้เหล็กหรืออะไรไม่ทราบครับ ทำเป็นโครงขึ้นมาเลย” ภูมิและกฤชช่วยกันให้ความเห็น อาจารย์วิทยายุทธกล่าวเสริมว่าทุกปีหุ่นยนต์ในหัวข้อความคิดสร้างสรรค์จะกำหนดให้ใช้อุปกรณ์เลโก้ 50 เปอร์เซ็นต์แต่สำหรับปีนี้ไม่จำกัดวัสดุที่ใช้
“จากชิ้นส่วนสู่คู่ซ้อมที่รู้ใจ”
ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้สร้างหุ่นยนต์มีชื่อว่า “โรโบแล็บ” (ROBOLAB) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวต่อเลโก้ ชุด “เลโก้ เอดูเคชันแนล ดิวิชัน” (LEGO Educational Division) ของบริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด แต่มีความพิเศษกว่าตัวต่อเลโก้ทั่วไปตรงที่มีอุปกรณ์เสริม เช่น มอเตอร์ (motor), เซนเซอร์ (Sensor) อุปกรณ์สำหรับโปรแกรมหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ของทีม “เอสจี 3” มีโครงสร้าง 2 ส่วนหลักๆ คือ 1.ฐานของเครื่องยิงลูกปิงปอง (Base of the Robo Table Tennis Trainer) ซึ่งต้องมีความแข็งแรง คงทนและพร้อมที่จะรับน้ำหนักและแรงดีดของตัวยิงได้ 2.เครื่องยิงลูกปิงปอง (Shooter of the Robo Table Tennis Trainer) ที่มีลูกล้อเป็นตัวยิงและสายพานเลื่อนลูกปิงปองพร้อมตะกร้า
ในระหว่างที่พูดคุยนั้นน้องๆ ทั้ง 3 ได้สาธิตการใช้งานของหุ่นยนต์ไปด้วย ซึ่งหุ่นยนต์จะยิงลูกปิงปองได้จะต้องเขียนโปรแกรมควบคุมที่จะควบคุมทั้งตัวฐานและตัวยิง โดยมีการ์ดสีต่างๆ เป็นตัวกำหนดลักษณะการยิง กฤชแสดงการ์ดที่ใช้ควบคุมที่มีอยู่ 4 สี คือ สีเหลือง สีเขียว สีแดงและสีม่วง เขาอธิบายว่าแต่ละสีจะบอกถึงระดับการฝึกซ้อม สีเหลืองเป็นระดับสำหรับผู้เริ่มฝึก หุ่นยนต์จะอยู่นิ่งๆ และยิงลูกปิงปองตามอัตราเร็วที่คนป้อนหรือใส่ลูกปิงปองให้หุ่นยนต์ยิงต่อเนื่องโดยใส่ได้สูงสุด 15 ลูก สีเขียวและสีแดงเป็นระดับไว้ฝึกทักษะแบ็คแฮนด์ (ตีโดยหันหลังมือ) และโฟร์แฮนด์ (ตีโดยหันหน้ามือ) ทั้ง 2 ระดับอาศัยหลักการคล้ายกันคือหุ่นยนต์จะเคลื่อนไปที่ขอบโต๊ะก่อนจะยิงลูกปิงปอง
“คือเลื่อนไปด้านซ้ายหนึ่งอัน ด้านขวาหนึ่งอัน อย่างระดับที่ 2 (สีเขียว) เป็นโฟร์แฮนด์ ก็จะเลื่อนไปด้านขวา พอถึงด้านขวาสุดของโต๊ะก็จะหยุดเพื่อยิง ถ้ายังเลื่อนไม่ถึงด้านขวาของโต๊ะก็จะไม่ยิง จะต้องเลื่อนจนถึงขวาสุดของโต๊ะก่อนแล้วจะยิง เวลายิงออกมาก็จะเป็นการฝึกโฟร์แฮนด์ให้กับผู้เล่น” กฤชอธิบาย จากนั้นอาจารย์วิทยายุทธได้กล่าวเสริมว่าในระดับที่สูงขึ้น (ระดับที่ 4 สีม่วง) หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ในระหว่างยิงด้วย “สังเกตว่าตรงฐานจะมีล้อและเซนเซอร์ตรวจวัดค่าแสงเพื่อเช็คดูว่าจะตกโต๊ะหรือเปล่า ซึ่งต้องเขียนโปรแกรมควบคุม ตรงนี้ต้องเก่งทางด้านเมคานิกส์ (เครื่องกล) และด้านซอฟต์แวร์ด้วย คือต้องบาลานซ์กันด้วย เพราะว่าซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาต้องรองรับกับอุปกรณ์ที่เราต่อ” อาจารย์วิทยายุทธกล่าว
“นอกกรอบบ้าง เพื่อความรู้ที่กว้างกว่า”
การเป็นตัวแทนไปแข่งขันครั้งนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการชนะเลิศการแข่งขันในงาน “โปรแกรมพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อการเรียนรู้” ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทแกมมาโก้ได้จัดขึ้นเพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งขันในระดับนานาชาติ ภูมิกล่าวว่าในการแข่งขันในประเทศนั้นจัดในช่วงปิดภาคเรียน พวกเขาจึงสามารถใช้เวลาในช่วงวันหยุดมาวางแผนสร้างหุ่นยนต์ได้ โดยได้รับการอำนวยความสะดวกจากทางโรงเรียน อาจารย์วิทยายุทธกล่าวว่าอธิการบดีให้การสนับสนุนการทำกิจกรรมต่างๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะกิจกรรมด้านหุ่นยนต์ ที่ทางโรงเรียนจะจัดการแข่งขันเป็นประจำ ทั้งการแข่งขันภายในโรงเรียนและเชิญบุคคลภายนอกเข้ามาแข่งขัน แต่สำหรับช่วงเปิดภาคเรียนพวกเขาก็จะใช้เวลาว่างเท่าที่มีและบางครั้งอาจต้องสละเวลาเรียนของวิชาอื่น
“ก็มีโดดเรียนบ้าง คือจะโดดในวิชาที่เราคิดว่าเรียนทัน อาจารย์ก็เข้าใจ และก็ใช้เวลาช่วงเย็น เสาร์-อาทิตย์” ภูมิกล่าว “โดดเรียนจนอาจารย์จำได้ โดดอีกแล้วเหรอ แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียนเพราะตอนนี้เราก็ใกล้จะเรียนทันแล้ว อาจารย์เขาจะให้การบ้าน เราก็จะทำการบ้านตามที่อาจารย์สั่ง” ฐิตวัฒน์กล่าว “พ่อกับแม่ก็ทราบว่าเราโดดเรียน แต่ถ้าไม่เสียการเรียนก็ไม่ว่าอะไร” ภูมิเสริม หลังจากที่ได้รางวัลกลับมาแล้วทางโรงเรียนได้จัดให้อาจารย์สอนพิเศษเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาเรียนทันเพื่อนๆ
ภูมิและกฤชมาเข้าร่วมการแข่งขันเพราะเพื่อนชวน ส่วนฐิตวัฒน์เคยเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันหุ่นยนต์ที่ประเทศเกาหลีเมื่อปีที่แล้ว กฤชเล่าว่าปีหน้าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานแข่งขันหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ ซึ่งก็จะมีการเตรียมตัวแข่งขัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ทราบหัวข้อว่าจะให้แข่งขันในเรื่องใด ในการแข่งขันครั้งต่อไปพวกเขาทั้ง 3 อาจจะไม่ได้อยู่ทีเดียวกัน เพราะการต้องคัดเลือกคนให้มีทักษะเหมาะสมกับหัวข้อที่ได้รับ กว่าจะมาลงตัวที่พวกเขา 3 คน ก็มีการสลับสับเปลี่ยนกันหลายครั้ง
“มาสเตอร์เขาได้รับหัวข้อมาเป็นหัวข้อโอลิมปิก ซึ่งคิดว่าคงจะต้องเกี่ยวกับเรื่องต่อ (เลโก้) ด้วย อะไรอย่างนี้นะครับ แล้วก็โปรแกรมอาจจะมีส่วนน้อยหน่อย มาสเตอร์เขาเลยเอาคนชอบต่อมารวมกัน” ภูมิอธิบาย “คือเอาคนที่ต่อเก่งมารวมกัน” กฤชเสริม ด้านฐิตวัฒน์ที่เคยไปแข่งขันในจีนเมื่อปีที่แล้วเล่าให้ฟังว่าครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก และเขาลงแข่งในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ซึ่งมีความกดดันต่างจากปีนี้คือ จะต้องประกอบหุ่นยนต์ให้ทันเวลาและตอบโจทย์ในระหว่างการแข่งขัน โดยจะเน้นไปที่การเขียนโปรแกรมให้หุ่นยนต์มากกว่ากลไก
“ความสำเร็จบนพื้นฐานของการทำงานเป็นทีม”
“ผมกับเพื่อนของผม (กฤช) จะรับผิดชอบในส่วนของการสร้างฐานหุ่นยนต์ กลไกการยิง การโปรแกรม โครงสร้างของหุ่นด้วย ส่วนน้องเอิร์ธ (ฐิตวัฒน์) คนนี้ก็ช่วยทำส่วนตัวยิงและส่วนฐานบ้าง แล้วทดสอบเรื่องความหนาแน่น แข็งแรงพอรึยังน้องเขาก็จะเป็นคนช่วยเสริม” ภูมิกล่าวถึงการทำงานร่วมกัน “จิ้มทีเดียวล่มเลย” กฤชฟ้อง ถึงต้องนี้ทุกคนก็หัวเราะ “เป็นคนทำลายล้างประมาณนั้น” อาจารย์วิทยายุทธกล่าวพร้อมกับหัวเราะไม่หยุด “เป็นคนเช็คนะครับ คล้ายกับการแก้บัก (การแก้ข้อบกพร่องในการเขียนโปรแกรม) ช่วยหาบัก” อาจารย์วิทยายุทธกล่าวต่อ โดยลักษณะการทำงานจะเป็นแบบรุ่นพี่สอนน้อง คิดเองแก้ปัญหาเอง อาจารย์และโรงเรียนเพียงช่วยสนับสนุนและอำนวยความสะดวก
“ฐานที่เราทำที่ฟิวเจอร์มา เราขยายให้ใหญ่ขึ้น เพราะทำเราตะกร้าข้างบน ฐานก็ต้องใหญ่ขึ้นเพื่อรับน้ำหนัก แล้วก็...มอเตอร์ก็ยังต้องมี 2 ตัว แต่เราใส่ล้อตรงกลางเพิ่ม คือว่าตอนแรกจะมีล้อตรงกลาง อย่างที่เห็นในวิดีโอคือตัวที่เราเอาไปที่ฟิวเจอร์ เราก็เอาล้อออกมาด้านข้างเพื่อให้รับน้ำหนัก แล้วก็การ์ดรีดเดอร์ (Card Reader-ตัวอ่านการ์ดควบคุมระดับ) เราก็เอาใส่ไว้ตรงกลางเพื่อป้องกันแสงรบกวน ก่อนหน้าตอนที่เราทำที่ฟิวเจอร์เราก็เอาไว้ข้างนอก ค่าแสงก็เปลี่ยนแปลงง่าย พอเอาไว้ข้างในค่าแสงก็เปลี่ยนแปลงยากขึ้นเพราะมีแสงรบกวนน้อยลง ตอนแรกเหลือพื้นที่เยอะมาก เราก็คิดว่าจะทำไงดี ก็เลยเอาตัวอ่านการ์ดใส่เข้าไป” กฤชอธิบายการทำงานและการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
รางวัลที่น้องๆ ทั้ง 3 คนได้รับเป็นเหรียญทองพร้อมถ้วยรางวัล และการได้รับรางวัลทางโรงเรียนจะให้การส่งเสริมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว ด้วยการสร้างห้องฝึกซ้อมที่มีมาตรฐานขึ้น ส่วนอนาคตของน้องๆ ทั้ง 3 คนนั้น ภูมิวางแผนไว้ว่าอยากเป็นแพทย์และชอบเรียนคณิตศาสตร์มากเป็นพิเศษ ฐิตวัฒน์กล่าวอยากเป็นวิศวกรและชอบเรียนวิชาศิลปะเพราะเป็นวิชาที่คลายเครียด ส่วนกฤชกล่าวว่าเขายังไม่ตัดสินใจว่าอยากเป็นอะไร ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อน หลังจากให้สัมภาษณ์แล้วน้องๆ ก็แยกกันไปเรียนต่อ ส่วนฐิตวัฒน์ต้องเดินทางไปเข้าค่ายที่ศูนย์ของโรงเรียนที่ปากเกร็ด นนทบุรี โดยตามหลังเพื่อนๆ ซึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
เห็นความสำเร็จของเด็กไทยแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ แต่ความสำเร็จที่ได้มานอกจากจะมาจากความสามารถและความสนใจของเด็กเองแล้ว ครอบครัวและทางโรงเรียนก็มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสามารถของเด็กไม่น้อย เชื่อว่าถ้าเด็กไทยได้รับการสนับสนุนเช่นนี้แล้ว เราคงจะได้ชื่นชมกับผลงานเหมือนกับที่น้องๆ ทั้ง 3 คน ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในครั้งนี้
ชื่นชมกับรายงานรางวัลของเยาวชนทีมอื่นๆ ได้ ที่นี่