xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวถ้ำค้างคาวต้องระวังพบมีเชื้อพิษสุนัขบ้า และนิปาห์ไวรัส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิจัยไทยทำงานเชิงรุกสุ่มตรวจหาเชื้อไวรัสในค้างคาว 9 จังหวัด พบมีเชื้อพิษสุนัขบ้าและนิปาห์ไวรัสก่อโรคไข้สมองอักเสบ แต่ยังไม่มีการแพร่สู่คน นำองค์ความรู้สู่การป้องกันโรค แนะงดบริโภคอาหารป่า พบค้างคาวป่วยอย่าสัมผัส เที่ยวถ้ำค้างคาวอย่าแตะต้องมูลและปัสสาวะ บริโภคผลไม้ควรล้างก่อน งดเว้นผลไม้ที่ค้างคาวกัดแทะ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหากมีอาชีพสัมผัสใกล้ชิดค้างคาว

ศ.ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวเปิดเสวนาเรื่องไวรัสจากสัตว์สู่คน โรคที่ต้องเฝ้าระวังซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงาน สกว.วันนี้ (11 ส.ค.) ว่า เชื้อไวรัสจากสัตว์ที่ทำให้เกิดโรคในคนที่คุ้นเคยกันดีคือ โรคพิษสุนัขบ้า ถือเป็นสิ่งที่ดีที่นักวิจัยไทยทำงานเชิงรุกสุ่มตรวจหาเชื้อโรคจากสัตว์ที่อาจจะก่อโรคในคน โดยสุ่มตรวจค้างคาว นำองค์ความรู้มาสู่การป้องกันโรค

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี พ.ศ.2547 กล่าวว่า ค้างคาวเป็นพาหะนำโรคพิษสุนัขบ้า อีโบลา ไข้สมองอักเสบจากนิปาห์ไวรัสก่อให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบในคนที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2541-2542 โดยค้างคาวแพร่เชื้อสู่สุกรแล้วติดต่อสู่คน พาหะของโปรโตซัวสู่ม้า วัวควาย ทำให้เกิดโรคปากเปื่อย เท้าเปื่อย ในกรณีของโรคพิษสุนัขบ้านั้นที่ถูกสุนัขกัด เมื่อแผลลึกเชื้อไวรัสจะแพร่เร็ว แต่หากมีค้างคาวเป็นพาหะ รอยข่วน แผลกัดเล็กน้อยเชื้อไวรัสจากค้างคาวจะแพร่อย่างรวดเร็ว ซึ่งพบผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าจากค้างคาวในสหรัฐเกิดจากรอยข่วนของค้างคาวแทบไม่เห็นแผล แต่ผู้ป่วยเสียชีวิตทุกราย

“เราอยากรู้ว่าค้างคาวในประเทศไทยมีสภาพอย่างไร จึงร่วมกับกรมปศุสัตว์ สถานเสาวภา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สุ่มเลือกพื้นที่เก็บตัวอย่างค้างคาวมา 9 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สิงห์บุรี ปราจีนบุรี ราชบุรี กทม.และสุราษฎร์ธานี เก็บปัสสาวะ น้ำลาย เลือดค้างคาว ตรวจหาเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าจากค้างคาวทุกจังหวัดยกเว้น กทม. พบไวรัสพิษสุนัขบ้า ร้อยละ 7.5 จากการตรวจเลือด 394 ตัวอย่าง ตรวจหาเชื้อไวรัสนิปาห์ พบร้อยละ 7.7 จากการตรวจเลือด 1,054 ตัวอย่าง ส่วนการตรวจระดับอาร์เอ็นเอ เนื่องจากมีงบประมาณน้อยจึงนำตัวอย่าง 1,220 หลอดมาผสมรวมกันทุก 10 หลอดได้ 122 ตัวอย่าง พบว่าใน 122 กลุ่มพบอาร์เอ็นเอในน้ำลาย มีสารพันธุกรรมเหมือนกับไวรัสนิปาห์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และ 2 ใน 122 กลุ่มพบอาร์เอ็นเอในปัสสาวะมีสารพันธุกรรมมีความเหมือนกับไวรัสนิปาห์ 92 เปอร์เซ็นต์ ผลการศึกษาครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า ค้างคาวจะแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าเวลาป่วย ส่วนเชื้อไวรัสนิปาห์ค้างคาวแพร่เชื้อได้ทุกช่วง ผ่านน้ำลาย ปัสสาวะ มูล เลือด รก น้ำคร่ำ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

น.สพ.นิรันดร เอื้องตระกูลสุข ผู้อำนวยการสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เมื่อมีการระบาดของไวรัสนิปาห์ สุกรป่วยและแพร่เชื้อไข้สมองอักเสบสู่คนเมื่อปี 2541-2542 ประเทศไทยมีมาตรการควบคุมโรคจากสัตว์อย่างเคร่งครัด นอกจากนั้นยังได้สุ่มตรวจเลือดสุกรในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2542-2546 จำนวน 17,825 ตัวอย่าง ไม่พบเชื้อไวรัสนิปาห์ในสุกรแต่อย่างใด และปีนี้ก็ยังสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะพบค้างคาวในประเทศไทยมีเชื้อไวรัสนิปาห์ก็ยังไม่พบการแพร่เชื้อไปยังสุกร ระวังอย่าให้ต้นไม้ที่เป็นอาหารของค้างคาวอยู่ใกล้คอกสุกร


นพ.ศิริศักดิ์ วรินทราวาท ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคติดต่อร้ายแรงในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน แม้กระทั่งเชื้อเอชไอวี เชื้อโรคซาร์ส ไข้หวัดนกก็มีแหล่งรังโรคจากสัตว์ทั้งสิ้น ประโยชน์จากการศึกษาวิจัยทำให้เรารู้ต้นเหตุ นำไปสู่การเฝ้าระวังไม่ให้โรคระบาด เตือนประชาชนอย่างนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน อย่าบริโภคอาหารป่า กรณีสัตว์ป่วยตายให้ทำลายซากด้วยการฝังหรือเผา อย่านำมารับประทาน ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังโรคจากไวรัสนิปาห์อย่างเข้มงวด

ด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีคนไข้โรคสมองอักเสบปีละประมาณ 200 คน แต่ยังไม่พบคนไข้สมองอักเสบจากไวรัสนิปาห์ คำแนะนำสำหรับแพทย์คือ ให้นำเนื้อสมองของคนไข้สมองอักเสบส่งตรวจทุกรายโดยปัจจุบันมีเทคนิคเจาะเนื้อสมองผ่านเบ้าตาไม่ทำให้สภาพศพเสียหาย

“ธรรมชาติของค้างคาวจะอาศัยอยู่ในที่มืด ออกหากินตอนกลางคืน นอนตอนกลางวัน หากพบค้างคาวพฤติกรรมแปลก ๆ มาอยู่ในบ้าน บินมาเกาะคนหรืออยู่ในห้องนอน อย่าจับต้องเพราะค้างคาวป่วยแพร่เชื้อไวรัสก่อโรคพิษสุนัขบ้าแม้รอยข่วนก็ป่วยได้ โรคพิษสุนัขบ้ามีวัคซีนป้องกัน ผู้ที่มีอาชีพสัมผัสใกล้ชิดกับค้างคาว เช่น ดูแลถ้ำค้างคาว เก็บมูลค้างคาว ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสร้างภูมิต้านไว้ก่อน แต่ไวรัสนิปาห์ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ หากไปเที่ยวถ้ำค้างคาว อย่ายืนใต้ต้นไม้ที่ค้างคาวนอน อย่าจับมูล ปัสสาวะค้างคาว ถ้าฝูงค้างคาวบินผ่านอย่าบริโภคน้ำฝน นอกจากต้มให้สุก พวกผลไม้ที่ค้างคาวกัดแทะ อย่านำมารับประทานหรือนำมาขาย”ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวและว่าไวรัสนิปาห์ไม่ค่อยทนต่อแสงแดด ความร้อน หากไม่มีอะไรห่อหุ้มจะตายใน 2-3 ชั่วโมง การล้างผลไม้ก่อนบริโภคช่วยลดการติดเชื้อ

นางกัลยาณี บุญเกิด หัวหน้ากลุ่มวิจัยสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ค้างคาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในประเทศไทยมี 295 ชนิด แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ค้างคาวกินพืชและค้างคาวกินแมลง จัดเป็นสัตว์คุ้มครอง ห้ามครอบครอง ซื้อขาย ห้ามล่า ค้างคาวเป็นสัตว์ช่วยกำจัดศัตรูพืช บางคนนิยมบริโภคเนื้อและเลือดค้างคาว เพราะความเชื่อว่าช่วยบำรุงพลังทางเพศ ซึ่งทำให้ติดโรคจากค้างคาวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น