xs
xsm
sm
md
lg

“หมอธีระวัฒน์” เผยผลวิจัยใช้กัญชาคลายเครียดแต่พองาม ช่วยลดสมองเสื่อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอธีระวัฒน์” เผยผลวิจัยในสหรัฐฯ พบการใช้กัญชาเพื่อคลายเครียดและความบันเทิงแต่พองาม ช่วยลดภาวะสมองเสื่อม ในคนอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป

วันนี้(8 ก.ย.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ในหัวข้อ “กัญชาลดภาวะสมองเสื่อม” มีรายละเอียด ดังนี้

การใช้กัญชาเพื่อคลายเครียด ความสุข และบันเทิงพองาม และทำให้นอนหลับ ในคนอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปกลับทำให้การทำงานของสมองเสื่อมถอยน้อยลง

และ THC มีผลในด้านนี้มากกว่า CBD โดยที่ตัวหลังมักจะถูกเลือกใช้ด้วยเหตุผลทางการแพทย์

ดังนั้นการใช้ตามวัตถุประสงค์ ที่อยู่ในขอบเขต จะเกิดประโยชน์มากกว่าและการใช้ควบรวมอย่างเหมาะสมทั้ง THC CBD จะได้ประโยชน์สูงสุด

Original Research: “Association Between Cannabis Use and Subjective Cognitive Decline: Findings from the Behavioral Risk Factor Surveillance System (BRFSS)” by Zhi Chen et al. Current Alzheimer’s Research. Neuroscience news. เมษายน 2024

การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอาจเกี่ยวข้องกับการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในโอกาสที่จะประสบภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา หรือ subjective cognitive decline (SCD) ในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี

นักวิจัยรายงานผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวัง ปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมปี 2021 ของ CDC พบว่าผู้ใช้ “ด้านสันทนาการ” มีโอกาสภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา ลดลง 96% จากการรายงาน SCD เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้

การค้นพบที่น่าสนใจนี้ชี้ให้เห็นถึงผลดีในการป้องกันสมอง จากการใช้กัญชาแต่ก็ได้ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยระยะยาวเพื่อทำความเข้าใจและประเมินผลกระทบทางด้านดี และอื่นๆ ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ มีส่วนทำให้เกิดการปรับเปลี่ยน ถึงทัศนคติเกี่ยวกับการใช้กัญชาและสุขภาพทางปัญญา สมอง โดยเน้นถึงความสำคัญของการแยกความแตกต่างระหว่างการใช้ทางการแพทย์ตามปกติและเพื่อสันทนาการ จากการวิจัยนี้

ข้อมูลสำคัญ:
1. การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการสัมพันธ์กับความเสี่ยงทางสมองเสื่อมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 45 ปี

2. การศึกษานี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการตรวจสอบประเภท ความถี่ และวิธีการใช้กัญชา โดยมุ่งเน้นไปที่ประชากรสูงอายุ

3. ไม่มีความแตกต่างที่มีนัยสำคัญใน odds ratio ของ SCD (subjective cognitive decline) ที่เกี่ยวข้องกับความถี่และวิธีการบริโภคกัญชา ซึ่งบ่งชี้ถึงบทบาทที่เป็นไปได้ของตัว THC เองในผลการป้องกันต่อการเสื่อมถอยของสมอง

ที่มา:สำนักพิมพ์ Bentham Science

รายละเอียด การศึกษาโดยนักวิจัยของ Upstate Medical University แสดงให้เห็นว่าการใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงอาจช่วยป้องกันภาวะการรับรู้เสื่อมลงได้

การศึกษานี้ทำโดยนักศึกษาปริญญาโทด้านสาธารณสุข (MPH) Zhi Chen และศาสตราจารย์ Roger Wong, Ph.D., MPH, MSW

ได้ทำการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่จาก CDC และพบว่าเมื่อเทียบกันระหว่าง การใช้กัญชาที่ไม่ได้ใช้ทางการแพทย์ กับผู้ไม่ใช้กัญชา

ทั้งนี้ โดยเป็นการใช้ เช่น เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ จะมีความเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญกับโอกาสของภาวะการรับรู้ลดลง (SCD) ร้อยละ 96

Wong กล่าวว่าเขารู้สึกประหลาดใจที่รูปแบบและความถี่ของการใช้ไม่ส่งผลต่อ SCD เนื่องจากการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมที่อายุน้อยกว่า ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงเชิงลบระหว่างสุขภาพสมองและการใช้กัญชา

ซึ่งบ่งชี้ว่าบางทีอายุของผู้เข้าร่วมอาจมีบทบาทในผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

การใช้ทางการแพทย์และการใช้คู่ (ทางการแพทย์และไม่ใช่ทางการแพทย์) ยังสัมพันธ์กับโอกาสที่ลดลงของ SCD แม้ว่าจะไม่มีนัยสำคัญก็ตาม

ความถี่และวิธีการบริโภคกัญชาไม่มีความเกี่ยวข้องกับ SCD อย่างมีนัยสำคัญ

SCD เป็นผลลัพธ์ที่สำคัญที่น่าสนใจ เนื่องจากการวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่มี SCD มีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมสูงกว่า 2 เท่า ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาหรือป้องกันขั้นสุดท้าย

Wong กล่าวว่าการศึกษาก่อนหน้านี้พบความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างการใช้กัญชากับการลดการรับรู้

ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงน่าประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะชี้ให้เห็นว่าการศึกษานี้มีข้อจำกัดหลายประการ และผลลัพธ์เหล่านี้เป็นเพียงภาพรวมของหนึ่งปี

“ประเด็นหลักคือกัญชาอาจปกป้องการเกิดสมองเสื่อมของเราได้ แต่การศึกษาระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนี่เป็นเพียงภาพรวมของปี 2021” Wong ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกัน กล่าว

“เราไม่ทราบว่ากัญชาที่ใช้ที่ไม่ใช่ทางการแพทย์นำไปสู่การรับรู้ที่ดีขึ้นหรือไม่ หรือ อาจจะเป็นเพราะในทางกลับกัน ที่ถ้าหากผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจดีกว่าในประโยชน์ มีแนวโน้มที่จะใช้กัญชาที่ไม่ใช่ทางการแพทย์มากกว่า“

“เราจำเป็นต้องมีการศึกษาระยะยาวเพื่อดูว่าการใช้กัญชาที่ไม่ใช่ทางการแพทย์จะปกป้องสมอง การรับรู้และสติปัญญาของเราเมื่อเวลาผ่านไปหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่เรายังไม่รู้ แต่การวิจัยนั้นถูกขัดขวางเนื่องจากกัญชายังคงผิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง”

ข้อมูลสำหรับการศึกษานี้ได้มาจากผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา 4,744 คนที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปในระบบเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรม (BRFSS) ปี 2021 SCD มีการรายงานด้วยตนเองว่ามีความสับสนหรือสูญเสียความทรงจำเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา

อัตราต่อรอง odds rationของ SCD โดยเหตุผลที่ใช้ ความถี่ และวิธีการใช้กัญชาได้รับการตรวจสอบหลังจากใส่ข้อมูลที่ขาดหายไป ใช้น้ำหนักการสุ่มตัวอย่าง และปรับเปลี่ยนปัจจัยทางสังคมและประชากร สุขภาพ และการใช้สารเสพติดอื่น

การศึกษานี้แตกต่างจากงานวิจัยก่อนหน้านี้ตรงที่มุ่งเน้นไปที่วัยกลางคนและผู้สูงอายุ และพิจารณาเฉพาะแง่มุม 3 ประการของการใช้กัญชา ได้แก่ ประเภทการใช้ (ทางการแพทย์หรือไม่ใช่ทางการแพทย์) ความถี่ในการใช้ และรูปแบบการใช้ (การสูบบุหรี่) สูบจริง รับประทานกับอาหาร เป็นต้น

“เหตุผลที่ฉันคิดว่าการศึกษานี้ยอดเยี่ยมมากก็คือเราพิจารณามิติที่แตกต่างกันทั้งหมดของการใช้กัญชา” เขากล่าว “การที่เรารวมทั้งสามสิ่งนี้เข้ามามีส่วนช่วยอย่างมากในการวิจัย เพราะฉันไม่เชื่อว่ามีการศึกษาเช่นนี้มาก่อน”

Wong กล่าวว่าเขารู้สึกประหลาดใจที่รูปแบบและความถี่ไม่ส่งผลต่อ SCD เนื่องจากการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมที่อายุน้อยกว่าพบว่ามีความเชื่อมโยงเชิงลบระหว่างสุขภาพสมองและการใช้กัญชา ซึ่งบ่งชี้ว่าบางทีอายุของผู้เข้าร่วมอาจมีบทบาทในผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ใน Current Alzheimer Research เป็นโครงการสุดท้ายของ Chen ในหลักสูตรชีวสถิติขั้นสูงในโปรแกรม MPH ที่สอนโดย Wong

“ฉันใช้ความรู้และทักษะการวิเคราะห์ที่เรียนรู้จากหลักสูตรความเข้มข้นของวิธีการสาธารณสุขกับการศึกษาครั้งนี้” เฉินกล่าว

“ดร. Wong แนะนำฉันตลอดกระบวนการ ตั้งแต่การตั้งคำถามวิจัยไปจนถึงการเตรียมต้นฉบับฉบับเต็ม ฉันรู้สึกโชคดีที่มีอาจารย์ที่น่าทึ่งในโปรแกรมของเรา ซึ่งฝึกฝนเราให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่รอบรู้และมีทักษะด้านระบาดวิทยาและชีวสถิติ”

ผู้เขียนได้สังเกตข้อจำกัดบางประการของการศึกษานี้ รวมถึงการไม่สามารถพิจารณากฎระเบียบเกี่ยวกับกัญชาแบบรัฐต่อรัฐ ดังนั้น ความลำเอียงในการคัดเลือกที่อาจเกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นได้หากประชากรในบางรัฐมีจำนวนมากเกินไปหรือน้อยเกินไป เนื่องจากมาตรการการใช้กัญชาที่แตกต่างกัน

จุดแข็งของการศึกษา ได้แก่ การใช้ชุดข้อมูลระดับชาติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสรุปผลการวิจัยได้ทั่วไป Wong กล่าวว่าความแตกต่างในการปกป้องสมอง ระหว่างการใช้ทางการแพทย์และไม่ใช่ทางการแพทย์นั้น

ขึ้นอยู่กับสารประกอบที่ประกอบเป็นกัญชา กัญชาเกรดทางการแพทย์มีความเข้มข้นของ CBD ที่สูงกว่า

ในขณะที่กัญชาที่ไม่ใช่ทางการแพทย์จะมีความเข้มข้นของ THC ที่สูงกว่า

ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ทางการแพทย์มักใช้กัญชาเพื่อปรับปรุงการนอนหลับและลดความเครียด การนอนหลับไม่ดีและความเครียดเรื้อรังซึ่งทั้งหมดนี้ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

ดังนั้นการป้องกัน SCD อาจมาจากการนอนหลับที่ดีขึ้นและการบรรเทาความเครียดที่กัญชามอบให้ ในขณะที่กัญชาทางการแพทย์ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและอื่นๆ เป็นหลัก

“จากการค้นพบของเรา เราไม่เห็นว่า CBD ในกัญชาทางการแพทย์มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านสมองทางการรับรู้” Wong กล่าว

เกี่ยวกับข่าวการวิจัยกัญชาและโรคสมองเสื่อมนี้

สรุปว่า การใช้กัญชาเพื่อคลายเครียด ความสุข และบันเทิงพองาม และทำให้นอนหลับ ในคนอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปกลับทำให้ การทำงานของสมองเสื่อมถอยน้อยลง

และ THC มีผลในด้านนี้มากกว่า CBD โดยที่ตัวหลังมักจะถูกเลือกใช้ด้วยเหตุผลทางการแพทย์

ดังนั้นการใช้ตามวัตถุประสงค์ ในขอบเขตจะเกิดประโยชน์มากกว่า และการใช้ควบรวมอย่างเหมาะสมทั้ง THC CBD จะได้ประโยชน์สูงสุด

ถอดความและเรียบเรียงโดย
ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
มหาวิทยาลัยรังสิต


กำลังโหลดความคิดเห็น