“หมอธีระวัฒน์” ชี้ตลกระดับโลก! กรรมการชุดเดิมให้กัญชาออกจากยาเสพติด แล้วนำกลับเข้าไปอีกครั้ง

“หมอธีระวัฒน์” ชี้ เป็นเรื่องตลกระดับโลก ให้กัญชาออกจากยาเสพติด ผ่านไปไม่กี่ปี กรรมการชุดเดิมมีมติให้กลับเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ทั้งที่ตอนออกจากยาเสพติดมีข้อมูลทางวิชาการแน่นหนาถึงประโยชน์ของกัญชาและต้องการให้ประชาชนเข้าถึง แต่ต่อมากรรมการชุดเดิมกลับบอกว่ามีแต่โทษ เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ชี้ถ้าเป็นยาเสพติดแล้วใช้ทางการแพทย์ได้ ประชาชนทั่วไปจะได้ใช้คงยากเย็นแสนเข็ญ เว้นแต่จะเตรียมของบริษัทและนำเข้าจากต่างประเทศมาให้ใช้

จากรณีที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดโดยเสียงส่วนใหญ่มีมติในการประชุมที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ช่อดอกกัญชาและช่อดอกกัญชงที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก เป็นยาเสพติดประเเภท 5 โดยจะให้มีผลใช้บังคับในวันที่ 1 ม.ค.2568 นั้น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์ทางด้านประสาทวิทยาและอายุรศาสตร์ อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ตลกระดับโลก

1- สธ. และ ปลัด อย. และปราบปรามยาเสพติด กรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ ชุดเดิมที่ให้กัญชาออกจากยาเสพติด มีมติให้กลับเป็นยาเสพติดหลังจากที่ผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่ปี โดยที่กันชงนั้นไม่เคยอยู่ในสารระบบของยาเสพติดเลย

2-หลักฐานข้อมูลทางวิชาการ ทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้ออกจากยาเสพติดนั้นแน่นหนาและสามารถดึงเอาประโยชน์ออกมาใช้ได้เต็มที่ รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถช่วยตนเองได้

3-ชุดเดิมที่ทำให้กลับเป็นยาเสพติด ปัจจุบันกล่าวว่ามีแต่โทษไม่มีประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่เคยสนับสนุนมีมติท่วมท้น และโทษที่ว่านั้น เกิดจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์

4-และโทษที่ว่า ว่านั้น จริงหรือ ที่ร้ายแรงขนาดไปทำร้ายคนอื่น ทั้งๆ ที่แม้แต่คนที่ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการด้วยซ้ำ เมื่อออกฤทธิ์แล้ว นั่งสงบ อารมณ์ดี พ้นปวดพ้นทรมาน ยกเว้นแต่ว่ามีอาการเมา ซึ่งเป็นการใช้เกินขนาด เพราะใช้ไม่เป็น

5- ถึงกับนำกันชง ซึ่งชัดเจนว่ามีประโยชน์ทางการแพทย์มหาศาลกลับเป็นยาเสพติด ทั้งๆ ที่ไม่มีสารออกฤทธิ์ทางจิตประสาท นับเป็นความอ่อนด้อยทางข้อมูลวิชาการและกลายเป็นเรื่องขบขัน

5-การควบคุมการใช้เป็นเรื่องหนึ่ง การนำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่เป็นอีกเรื่อง และเป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุนอย่างรุนแรง

เมื่อไม่ตั้งใจควบคุมการใช้ เหมือนกับ เฉกเช่นเหล้าขาว สุรา ที่ขายได้เสรี รวมทั้งบุหรี่ ตามร้านสะดวกซื้อ เลยกลับห้ามใช้เสียเลย?

6-และการที่บอกว่าใช้ได้ทางการแพทย์นั้น ในปัจจุบันที่ผ่านมาก็ยากเย็นแสนเข็ญ รายงานเป็นหลาย 10 หน้าเกือบ 50 หน้า ราวกับทำเป็นอาวุธชีวภาพ และถ้าให้ช่อดอกกับเมล็ดเป็นยาเสพติด แล้วจะหาอะไรมาใช้ทางการแพทย์

ยกเว้นแต่ เตรียมกันชงและกัญชาจากบริษัทและต่างประเทศ มาให้คนไทยใช้หรือไม่

สำหรับใครก็ตามรวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้จักสมุนไพรเหล่านี้จริงจำเป็นที่ต้องพิจารณาว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นเป็นข้อมูลด้านเดียวและมีการปิดกั้นข้อมูลของการ ได้ประโยชน์หรือไม่

ถ้าไม่มีประโยชน์เช่นนั้น ตำรับตำรา จารึกแผนไทย ที่ผ่านการทดลอง ทดสอบ และประมวลผลประโยชน์ มาเป็นหลาย 100 ปี

คงไม่จารึกไว้เป็นหลักฐาน ชัดเจนรวมทั้งการแยกแยะส่วนประกอบทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน จึงพบว่าแต่ละตำรับนั้นที่มีข้อบ่งใช้ต่างกันจะมีลักษณะส่วนประกอบที่ไม่เหมือนกัน

สิ่งที่บรรพชนฝากไว้ให้คนไทยและลูกหลานไทยได้ใช้ กลับถูกย่ำยี ดูถูก
เป็นที่น่าอนาถ

ถ้าไม่เคยใช้ ไม่เคยเห็นไม่เคยประจักษ์ครอบครัวที่พ้นทุกข์ทรมานมา และมาประพฤติเช่นนี้ น่าจะต้องตระหนักว่า แผ่นดินที่ยืนคือประเทศไทย

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ศาสตราจารย์ทางด้านประสาทวิทยาและอายุรศาสตร์
Fellow American Neurological Association
Fellow American College of Physicians
นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นแห่งชาติ
ได้รับพระราชทานเข็มดุษฎีมาลาศิลปวิทยาด้านการแพทย์
อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย