xs
xsm
sm
md
lg

เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอชลธวัช” เผยมีหลักฐานว่านักวิจัยแห่ง NIH ได้รับทุนทำวิจัยใส่ยีนฝีดาษลิงสายพันธุ์ร้ายแรงไปในยีนของไวรัสอื่นที่สามารถติดต่อง่าย ทำให้ไวรัสเพิ่มปริมานยีนที่ช่วยหลบหลีกระบบป้องกันของร่างกายจนถึงดื้อยา เท่ากับว่าเชื้อแรงขึ้นเพราะวิวัฒนาการตัวเองและเป็นเพราะการทดลองที่เรียกว่า gain of function เหมือนไวรัสโควิด-19

วันนี้(13 มิ.ย.) ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ ตจแพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก DrJudd Chontavat ว่า "ฝีดาษลิง & gain of function experiment"

เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเคยโพสต์เรื่องความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันของ poxvirus ทั้งที่ตัวมันเองมีอัตราการกลายพันธุ์ต่ำ

มีการศึกษาใน vaccinia virus ซึ่งเป็น orthopox เหมือนฝีดาษ (smallpox) และฝีดาษลิง (monkeypox, MPVX) พบว่าปกติร่างกายจะใช้ protein kinase R (PKR) ในการต้านทาน poxvirus แต่พบว่าไวรัสมีวิวัฒนาการของยีน K3L และ E3L ทำให้สามารถฝ่าแนวป้องกันนี้เข้าไปติดเชื้อในเซลล์ได้ โดยไวรัสจะเพิ่มจำนวนยีน K3L และสร้างโปรตีนมายับยั้ง PKR ดูตามรูปจะเห็นว่าคล้ายหีบเพลงชัก จึงเป็นที่มาของคำว่า "gene accordion" ซึ่งเป็นกลไกวิวัฒนาการของ DNA virus การเพิ่มจำนวนนี้ทำให้มีขนาดของ genome ที่ใหญ่ขึ้น


กลไก gene accordian ทำให้ไวรัสสามารถเพิ่มปริมานยีนที่ช่วยในการหลบหลีกระบบป้องกันของร่างกายจนถึงการดื้อยา ซึ่งตอนนั้นคิดว่าเป็นวิวัฒนาการของมันเองที่แปลกไปกว่าเดิมและไม่เคยพบมาก่อน

แต่ล่าสุดมีหลักฐานว่า Dr. Bernard Moss แห่ง NIH [สถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา] ได้รับ grant proposal ในการทำวิจัยเพื่อใส่ยีนส์ของ MPVX สายพันธุ์ร้ายแรงไปในยีนส์ของไวรัสอื่นที่สามารถติดต่อง่าย และทำวิจัยในทางกลับกันด้วยคือใส่ยีนส์ของ MPVX สายพันธุ์ร้ายแรงไปในยีนส์ของไวรัสที่ติดต่อง่าย เรียกว่าเป็น bidirectional MPVX gene-transfer experiment

ดูจาก timeline ที่แสดงในรูปประกอบด้านล่าง ฝีดาษลิงถูกประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเมื่อ 4 ส.ค. 2022


15 ก.ย. 2022 Dr. Moss แถลงถึงงานวิจัย clade I to clade II experiment

Clade I คือ ฝีดาษลิงสายพันธุ์ที่ระบาดใน Central Africa ส่วน Clade II คือฝีดาษลิงสายพันธุ์ที่ระบาดไปทั่วโลกปี 2022

ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่จาก The House Energy and Commerce Committee เรื่อง “Interim Staff Report into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases.” เมื่อ 11 มิ.ย. 2024

ผมไม่ทราบว่าการกลายพันธุ์ของ gene accordion ของ poxvirus ที่ลงตีพิมพ์ใน Cell ปี 2012 เป็นตัวจุดประกายความคิดเรื่อง bidirectional MPVX gene-transfer experiment ขึ้นมาไหม

และยังไม่ทราบข้อมูลของยีนส์ที่ถูกนำมาใช้ insert เพื่อเพิ่มความรุนแรงของไวรัสว่าเกี่ยวกับ gene accordion ไหม

เพราะถ้ามันเกี่ยวกัน หมายความว่า การที่ไวรัสมีวิวัฒนาการให้รุนแรงขึ้นโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ยังถูกพัฒนาให้รุนแรงขึ้นอีกและติดง่ายขึ้นกว่าเดิมโดยผ่านทางการทดลองที่เรียกว่า gain of function เหมือน SARS-CoV-2

Chontavat Suvanpiyasiri. MD, PhD

Reference : https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0092867412008707

https://energycommerce.house.gov/posts/e-and-c-republicans-release-interim-staff-report-on-nih-misconduct-and-inadequate-oversight-involving-taxpayer-funded-risky-mpxv-research-that-jeopardizes-public-health-security

 ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ


กำลังโหลดความคิดเห็น