กรมอนามัย พบวันนี้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน 55 จังหวัด ระดับสีแดงถึง 12 จังหวัด และ 14 พื้นที่ กทม. สูงสุดที่ "ย่านซื่อ" อ่างทอง 105 มคก./ลบ.ม. ห่วงแนวโน้มสูงขึ้นอีก 1-2 วัน ตั้งแต่ปีใหม่พบคนมีอาการจากสัมผัสฝุ่น 34% เป็นเด็ก 5-14 ปีถึง 50% เกิดใน กทม.มากสุด
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันที่ 15 ก.พ. พบค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานใน 55 จังหวัด โดยพบพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) ใน 14 พื้นที่ของ กทม. และ 12 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสงคราม ราชบุรี กาญจนบุรี สระบุรี อ่างทอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว และสุโขทัย ซึ่งค่า PM 2.5 สูงสุดอยู่ที่ 105.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) บริเวณ ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง และคาดการณ์ว่า สถานการณ์ PM2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในอีก 1-2 วันข้างหน้า เนื่องจากสภาพอากาศปิดและทิศทางลมที่พัดฝุ่นละอองจากพื้นที่บริเวณโดยรอบ
พญ.อัจฉรากล่าวว่า จากการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพเชิงรุก โดยให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการตนเองผ่านระบบ 4Health ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นมา พบว่า ประชาชนมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัส PM2.5 ถึง 34% ซี่งแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นอาการของระบบทางเดินหายใจ คือ คัดจมูก แสบจมูก และแสบตา ตามลำดับ ซึ่งเป็นอาการเฉียบพลันที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับสัมผัสฝุ่นละออง นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กอายุระหว่าง 5-14 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงมีอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 มีอาการมากที่สุด ถึงร้อยละ 50 รวมทั้ง พื้นที่ กทม. พบประชาชนมีอาการผิดปกติจากการรับสัมผัส PM2.5 มากที่สุด โดยส่วนใหญ่เป็นอาการของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสอดคล้องกับอาการของประชาชนที่เข้ามาประเมินทั่วประเทศ
นอกจากนี้ จากการสำรวจพฤติกรรม ยังพบว่าประชาชน ได้แก่ ยังมีการเผาขยะ กระดาษ ธูป ร้อยละ 21.2 ไม่มีการตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ร้อยละ 20 และออกกำลังกายกลางแจ้งร้อยละ 16.9 ในช่วงนี้ หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นและมีขนาดที่เหมาะสมกับใบหน้า ลดระยะเวลาการทำกิจกรรมนอกอาคาร งดออกกำลังกายกลางแจ้ง เปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคาร สำหรับเด็ก ผู้ที่เป็นโรคประจำตัว ภูมิแพ้ หอบหืด ควรเตรียมยาให้พร้อม ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบมาพบแพทย์ อยู่ในห้องปลอดฝุ่นที่บ้านหรือมารับบริการห้องปลอดฝุ่นได้ที่สถานบริการสาธารณสุข โดยสามารถค้นหาห้องปลอดฝุ่นที่อยู่ใกล้ท่านได้ที่ http://podfoon.anamai.moph.go.th หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถาม ได้ที่สายด่วน 1422
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า จากการติดตามข้อมูลของ กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีรายงานข้อมูล ณ เวลา 07.00น. วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2567) มีจังหวัดที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานถึง 56 จังหวัด ในจำนวนนี้มี 45 จังหวัด ที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานติดต่อกันมากกว่า 3 วัน โดยจังหวัดที่ค่าฝุ่นละอองสูงสุด คือ อ่างทอง สมุทรสงคราม กาญจนบุรี ราชบุรี สุโขทัย กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สระแก้ว ปราจีนบุรี สระบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และนนทบุรี สำหรับพื้นที่เสี่ยงสูง 30 จังหวัด มีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ประกอบด้วย ผู้มีโรคประจำตัว 96,154 คน ผู้สูงอายุ 243,271 คน และเด็กเล็ก 81,922 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 มีรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพสะสม แบ่งเป็น รับบริการแบบผู้ป่วยนอก 13,762 คน และรับบริการที่ห้องฉุกเฉิน 5,476 คน
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ในส่วนการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรองรับสถานการณ์ ขณะนี้ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว 33 จังหวัด จัดทำคลินิกมลพิษรวม 434 แห่ง /คลินิกมลพิษออนไลน์ 816 แห่ง มีผู้เข้ารับบริการสะสม 4,293 ราย และจัดทำห้องปลอดฝุ่นรวม 10,588 แห่ง ผู้เข้ารับบริการสะสม 59,117 ราย นอกจากนี้ ยังจัดระบบเชิงรุกดูแลประชาชนในพื้นที่และมอบอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้กับกลุ่มเสี่ยงด้วย ซึ่งจากการคาดการณ์ในช่วง 1-2 วันข้างหน้า ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่
ดังนั้น ขอให้ประชาชนตรวจเช็กค่าฝุ่นเป็นประจำก่อนออกจากบ้านหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อปฏิบัติตนตามคำแนะนำได้ถูกต้อง หากจำเป็นขอให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน สำหรับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องการใช้บริการห้องปลอดฝุ่น สามารถติดต่อได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือค้นหาห้องปลอดฝุ่นและคำแนะนำในการจัดทำห้องปลอดฝุ่นที่บ้านได้ที่ https://podfoon.anamai.moph.go.th/