สธ.เผยผลศึกษาพบคนไทยสูญเสียปีสุขภาวะรวมกว่า 18.5 ล้านปี จากตายก่อนวัย ด้วยอุบัติเหตุถนน หลอดเลือดสมอง และเบาหวาน ในกลุ่มวัยทำงานทั้งชายหญิง เสนอแนวทางลดปัญหา
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ประธานคณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า แผนงานพัฒนาดัชนีภาระโรคแห่งประเทศไทย และมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาประเมินภาระโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย ในการศึกษาและสำรวจครั้งล่าสุด พบว่า คนไทยทั้งประเทศสูญเสียปีสุขภาวะ รวมกว่า 18.5 ล้านปี เพราะสุขภาพที่ไม่ดี พิการ หรือเสียชีวิตก่อนวัย โดยกว่าร้อยละ 72 เป็นการสูญเสียจากการตายก่อนวัยอันควรจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ การบาดเจ็บทางถนน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน พบสูงสุดในกลุ่มอายุ 45- 59 ปี ทั้งในเพศชายและหญิง ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงาน โดยในเพศชายสูญเสียจากการบาดเจ็บทางถนนสูงสุด รองลงมา คือ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน ส่วนเพศหญิงสูงสุดจากโรคเบาหวาน รองลงมา คือ โรคหลอดเลือดสมอง และการบาดเจ็บทางถนน นอกจากนี้ ยังพบการสูญเสียปีสุขภาวะจากการติดเชื้อเอชไอวี วัณโรค รวมถึงโรคมะเร็งชนิดต่างๆ อีกด้วย
นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า จากผลการศึกษาจึงมีข้อเสนอเชิงนโยบายในการเร่งรัดดำเนินการเพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ประเด็น คือ เรื่องการบาดเจ็บทางถนน ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและปรับมาตรการให้มีประสิทธิผลมากขึ้น มุ่งเน้นลดปัจจัยเสี่ยง ทั้งตรวจวัดความเร็ว ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ บังคับใช้หมวกและเข็มขัดนิรภัยในการขับขี่ ส่วนโรคหลอดเลือดสมองและเบาหวาน ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากสังคมสูงอายุ สสส.ควรร่วมมือกับเครือข่ายเร่งสร้างเสริมสุขภาพให้กับประชาชนเพื่อป้องกันหรือชะลอการเกิดโรค โดยลดปัจจัยเสี่ยงจากบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และส่งเสริมบริโภคอาหารที่เหมาะสม โดย สธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งและเน้นย้ำเรื่องมาตรการคัดกรองผู้มีความดันโลหิตสูงและน้ำตาลในเลือดสูง เพื่อนำผู้ที่พบว่าป่วยเข้ารับการรักษาและรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว
สำหรับภาระโรคเป็นการวัดสถานะสุขภาพของประชากร โดยประเมินจากภาระความสูญเสียทางสุขภาพเป็นหน่วยของการสูญเสียปีสุขภาวะ ประกอบด้วย ความสูญเสียจากการตายก่อนวัยอันควร (YLL) และความสูญเสียจากความเจ็บป่วยและพิการ (YLD) ถือเป็นเครื่องชี้วัดที่สะท้อนปัญหาสุขภาพของประชากรได้ครอบคลุม ทั้งการตาย ความเจ็บป่วย ความพิการ เป็นประโยชน์ในการจัดลำดับความสำคัญและการวางแผนการลงทุนทางสุขภาพ รวมทั้งประเมินผลลัพธ์ทางสุขภาพของประชากรในช่วงเวลาต่าง ๆ โดยจะมีการศึกษาและประเมินทุก 5 ปี