นพ.สสจ.เชียงรายแจงไม่ได้ออกหนังสือยื้อถ่ายโอน รพ.สต. แต่พบยังมี 40 ราย รายชื่อยังไม่ตรงจึงถ่ายโอนไม่ได้ จึงออกแนวทางปฏิบัติ ทั้งกรณีที่อยากโอนย้ายและไม่ยังไม่อยากโอนย้าย
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีการแชร์ในสังคมออนไลน์ถึงหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ลงนามโดย นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ถึงแนวทางการดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี (สอน.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (วันที่ 2 ต.ค.66) โดยส่งถึง ผอ.รพ.ชุมชนทุกแห่ง สาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ทุกอำเภอ ลงนามเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2566 ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงใจความหนังสือ ทำนองว่าเป็นการยื้อบุคลากรที่ต้องการถ่ายโอนไปท้องถิ่น ซึ่งหนังสือมีใจความระบุว่า
1.ให้ สสอ.ในฐานะผู้บังคับบัญชาของผู้ประสงค์ถ่ายโอนแจ้งบุคลากรตามรายชื่อให้ไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติราชการที่ อบจ. ภายในวันที่ 2 ต.ค. 2566 และรายงานต่อ นพ.สสจ. ต่อไป
2. ให้ สสอ. สั่งการให้บุคลากร ทั้งข้าราชการ พนักงานกระทรวง และลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน ไม่ประสงค์ถ่ายโอนและปฏิบัติราชการอยู่ใน รพ.สต. ถ่ายโอนปีงบประมาณ 2567 ให้รายงานตัว เพื่อปฏิบัติราชการในหน่วยงานภายใต้สังกัดของ สสอ. หรือ รพ.สต. ที่ไม่ประสงค์ถ่ายโอน และสสอ. ไปพลางก่อน เพื่อบรรเทาความเสียหายต่อบุคลากรรวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบต่อการบริการประชาชนเป็นที่ตั้ง และให้รวบรวมรายชื่อรายงานต่อ นพ.สสจ. ต่อไป
3. ให้ สสอ. แจ้งข้าราชการที่ประสงค์ขอช่วยราชการใน รพ.สต. เดิมที่ปฏิบัติราชการอยู่ ให้ช่วยปฏิบัติราชการที่เดิมไปพลางก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน และรวบรวมรายชื่อรายงานต่อ นพ.สสจ. ต่อไป ซึ่งสำนักงานปลัด สธ. จะเสนอเรื่องพิจารณาอนุมัติให้ภายหลัง
4. ให้ สสอ. แจ้งข้าราชการที่มาช่วยราชการหรือช่วยปฏิบัติราชการ ที่ รพ.สต. ที่จะถ่ายโอนปีงบประมาณ 2567 และไม่ประสงค์ถ่ายโอน พร้อมทั้งรวบรวมรายชื่อรายงานต่อ นพ.สสจ. เพื่อส่งตัวกลับต้นสังกัดเดิม ต่อไป
5. ให้ สสอ. ผู้บังคับบัญชาผู้ประสงค์ถ่ายโอนทุกแห่งแจ้งบุคลากรที่เป็นข้าราชการตามรายชื่อว่าแฟัม ก.พ. 7 และแฟัมประวัติ สสจ. จะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งให้กับ อบจ. เอง ภายใน ธ.ค. 2566
6. ให้ ผอ.รพ.ชุมชน และ สสอ. ผู้บังคับบัญชาผู้ประสงค์ถ่ายโอนทุกแห่งแจ้งบุคลากรตามรายชื่อให้ปฏิบัติราชการในหน่วยงานเดิมสังกัด สป.สธ. ซึ่งวันที่ 2 ต.ค. 2566 ยังคงเป็นบุคลากรของ สธ.จนกว่าจะมีคำสั่งหรือข้อสั่งการฉบับใหม่ กรณีบุคลากรที่ไม่ปฏิบัติตามข้อสั่งการนี้ จะถือว่าเป็นการขาดราชการ ซึ่งจะส่งผลให้มีความผิดทางวินัย รวมถึงหากมีบุคลากรไม่ปฏิบัติตามให้ผู้บังคับบัญชาระดับหน่วยงาน รายงานมายัง สสจ. เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นรายกรณีไป
ด้าน นพ.วัชรพงษ์ กล่าวว่า หนังสือดังกล่าวเป็นแนวทางการดำเนินการ สธ.ไม่ได้มีการยื้อแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมามีบุคลากรของทางจังหวัดที่ผ่านการรับรองตามขั้นตอนแล้ว 166 ราย ดำเนินการถ่ายโอนไป อบจ.ได้ตามปกติ แต่ยังมี 40 รายที่ให้กลับมาปฏิบัติงานในสังกัด สธ.ตามเดิม ตามเงื่อนไขในหนังสือก่อน เนื่องจากกลุ่มนี้ยังไม่ได้ผ่านการรับรองของ สธ. เพราะรายชื่อระหว่าง สธ.และท้องถิ่นยังไม่ตรงกัน โดยหลักรายชื่อต้องตรงกันทั้งสองฝั่งก่อน ถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนถ่ายโอน ไม่ได้ยื้อหรือห้ามแต่อย่างใด ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าว เป็นแนวทางการดำเนินการทั้งในส่วนของบุคลากรที่ไม่ประสงค์จะถ่ายโอน และประสงค์จะถ่ายโอน ซึ่งอย่างหลังเป็นกรณีรายชื่อที่ยังไม่ตรงกันระหว่างสองฝั่ง กรณีถ้าไม่อยากไปก็ให้ปฏิบัติงานอยู่กับเราก่อนตามแนวทางที่สำนักงานปลัด สธ.กำหนด แต่ถ้าไม่มีชื่อแล้วอยากไปก็ต้องรอเลขว่างของ อบจ. เพื่อโอนย้าย แต่ตำแหน่งเดิมยังอยู่ สธ. เราไม่ได้ห้าม แต่มีเรื่องขั้นตอน