“อนุทิน” ลงนามประกาศ เปิดทาง สปสช.จ่ายค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP) แก่คนไทยทุกคนทุกสิทธิ ไม่จำกัดเฉพาะ“บัตรทอง” หลังติดปัญหาตีความมาเกือบปี จนกฤษฎีกาตีความชัด ย้ำ รพ.ส่งเบิกเงินตั้งแต่นี้และย้อนหลังบริการตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 ได้แล้ว
วันนี้ (6 ส.ค.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ยึดแนวทางบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP) ให้ประชาชนทุกสิทธิมาตลอด แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย แต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรัว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็เป็นกังวลกับประเด็นทางกฎหมายว่าเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถนำมาใช้ด้านการจัดบริการ PP กับผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองได้หรือไม่ จึงมอบ สปสช.และ สธ.หาความชัดเจนทางด้านกฎหมาย เพื่อให้ สปสช. สามารถนำเงินจากกองทุนฯ ไปใช้ในการจัดบริการแก่คนไทยทุกคนได้อย่างยั่งยืนและถูกต้อง
นพ.จเด็จ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง สปสช. ว่า การใช้เงินจากกองทุนฯ ไปสนับสนุนการจัดบริการ PP แก่คนไทยทุกคน ไม่เฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง สามารถทำได้ภายใต้การมอบหมายจาก ครม. ตามมาตรา 18(14) และตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ดังนั้น เมื่อมีความชัดเจนทางกฎหมายแล้ว ขณะนี้นายอนุทินจึงได้เร่งลงนามในประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566 และ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ให้สามารถใช้เงินจากกองทุนฯ จ่ายชดเชยค่าบริการ PP แก่หน่วยบริการที่ให้บริการแก่บุคคลที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองได้ เช่น ข้าราชการ ผู้ประกันตน พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ทำให้เกิดความทั่วถึงเท่าเทียมกันทุกคน
นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลังจากนี้ หน่วยบริการไม่ว่าจะเป็น รพ. รพ.สต. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นๆ สามารถจัดบริการ PP ให้แก่คนไทยทุกคนแล้วเบิกเงินจาก สปสช. ได้ตามปกติ ส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นมา หน่วยบริการใดที่ให้บริการ PP แก่สิทธิอื่นที่ไม่ใช่บัตรทอง และยังไม่สามารถเบิกเงินชดเชยค่าบริการได้ ก็สามารถทำเรื่องส่งเบิกย้อนหลังมายัง สปสช. ได้ทันที
“การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นประเด็นสำคัญที่ต่างจากการรักษาพยาบาล เพราะถ้าบอกว่าเงินจากกองทุนหลักประกัน สามารถนำมาใช้ได้เฉพาะกับผู้มีสิทธิบัตรทองจะทำให้เกิดปัญหาทันที เช่น การควบคุมโรค หากจัดบริการควบคุมโรคติดต่อเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง จะทำให้คนกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้รับบริการและอาจเกิดการเจ็บป่วยได้ เมื่อเกิดการเจ็บป่วยแล้วก็จะเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง เป็นต้น บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจึงจำเป็นต้องจัดให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคนไม่ใช่แค่สิทธิบัตรทอง” นพ.จเด็จ กล่าว
