ปลัด สธ. เผย รพ.ส่วนใหญ่เปิดบริการตามปกติ แม้ ครม.ประกาศเป็นวันหยุดพิเศษ รพ.พระนั่งเกล้า ดูแลผู้ป่วยนัดกว่า 2 พันคน ปชช.ขอบคุณบุคลากรเสียสละมาปฏิบัติหน้าที่ ส่วนช่วงหยุดยาว พบ 3 วัน เกิดอุบัติเหตุถนนดับ 81 ราย บาดเจ็บ 4,419 ราย แอดมิท 1,120 ราย ปัจจัยเสี่ยงไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และดื่มสุรา
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังลงพื้นที่ รพ.ปทุมธานี และ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี เพื่อติดตามการดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินในช่วงวันหยุดยาว รวมถึงการเปิดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป ว่า หลัง ครม.มีมติให้วันที่ 31 ก.ค.2566 เป็นวันหยุดราชการพิเศษ แต่ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาเปิดให้บริการได้หากเห็นว่าจะกระทบต่อประชาชนผู้รับบริการ ซึ่งในวันดังกล่าว รพ.ในสังกัด สธ.มีนัดหมายผู้ป่วยตรวจรักษาและทำผ่าตัดต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว ผอ.รพ.ส่วนใหญ่จึงพิจารณาให้เป็นวันเปิดทำการ เพื่อลดผลกระทบการรับบริการของประชาชน เช่น รพ.ปทุมธานีและ รพ.พระนั่งเกล้า โดย รพ.พระนั่งเกล้ามีผู้ป่วยนัดไว้ประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยนอกที่นัดมาตรวจทั่วไป
"จากการสอบถามประชาชนที่มารับบริการ ต่างรู้สึกยินดีที่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่เสียสละมาดูแลผู้ป่วยในวันหยุด ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้บริหาร รพ.ทุกแห่งดูแลเรื่องค่าตอบแทนนอกเวลาให้แก่บุคลากรที่มาปฏิบัติงานอย่างเต็มที่" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวกล่าวว่า ในช่วงหยุดยาว 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. - 2 ส.ค. 2566 ประชาชนมีการเดินทางมากกว่าปกติทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้มากขึ้น สธ.ได้ให้ รพ.ในสังกัดทุกแห่งเตรียมความพร้อมรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยกรณีเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยวันที่ 30 ก.ค. 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 30 ราย บาดเจ็บ 1,287 ราย และเข้ารับการรักษาใน รพ. 383 ราย ภาพรวมตั้งแต่วันที่ 28-30 ก.ค. 2566 มีผู้เสียชีวิตสะสม 81 ราย บาดเจ็บสะสม 4,419 ราย และเข้ารับการรักษาใน รพ.สะสม 1,120 ราย ปัจจัยเสี่ยงยังมาจากการไม่สวมหมวกนิรภัยสูงสุด 3,234 ราย คิดเป็นร้อยละ 87.17 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 514 ราย คิดเป็นร้อยละ 82.5 ดื่มสุรา 629 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.98 และพบว่ามีผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ดื่มสุราแล้วเกิดอุบัติเหตุ 65 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับ คือ นครศรีธรรมราช 6 ราย ปทุมธานี 5 ราย ชลบุรีและลำพูน จังหวัดละ 4 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ เชียงใหม่ 204 ราย เชียงราย 189 ราย และนครราชสีมา 150 ราย
"เท่าที่ติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน พบว่าไม่ได้มากเหมือนช่วงสงกรานต์และปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ดูแลเรื่องระบบการส่งต่อผู้ป่วยให้เกิดความต่อเนื่อง ไร้รอยต่อ หากพื้นที่ใดมีปัญหา เช่น ขาดเวชภัณฑ์ ขาดเลือด ให้แจ้งผู้ตรวจราชการ สธ.เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรช่วยเหลือกันภายในเขตสุขภาพ สำหรับประชาชนที่จะขับขี่ยานพาหนะ ขอให้เตรียมพร้อมร่างกายและตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทาง ยึดหลักขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ และใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งเพื่อช่วยลดความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุ" นพ.โอภาสกล่าว