อาจารย์แพทย์ ม.ขอนแก่น เห็นด้วยแก้ปัญหา "หมอ-บุคลากร" ลาออก ต้องเป็นวาระชาติ ทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงร่วมหาทางออก ชี้เรียนหมอ 7 ปีไม่ใช่ทางออก แนะดึงแพทย์เกษียณไม่เกิน 65 ปี ตรวจ OPD แทนหรือช่วย Intern แก้ระยะสั้นแบ่งเบาภาระ ไม่ต้องแก้ระเบียบ แค่จ้างต่อเหมือนพาร์ตไทม์
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า อายุรแพทย์ระบบประสาท คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีหมอลาออก ว่า ปัญหาสุขภาพของคนไทยขณะนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก แต่ละปีต้องใช้งบประมาณมหาศาล ใช้บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ส่งผลให้บุคลากรที่มีจำนวนไม่เพียงพออยู่แล้วภาระงานเพิ่มขึ้นมาก เกิดผลกระทบมากมาย หนึ่งในนั้น คือ แพทย์ลาออก ซึ่งมีหลายสาเหตุ แต่ภาระงานที่หนักเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ การพยายามแก้ปัญหาแพทย์ลาออกด้วยวิธีหนึ่ง อาจส่งผลกระทบไปยังอีกปัญหาหนึ่งก็ได้ จึงต้องร่วมกันหลายๆ ฝ่ายหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่แค่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน มองว่าการแก้ปัญหาควรเป็นวาระแห่งชาติ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้เป็นปัญหาผลพวงจากหลายๆ ส่วน โดยหลักๆ ผู้ป่วยมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการของผู้ป่วยและสังคมมีความคาดหวังจากสาธารณสุขไทยมากขึ้นเรื่อยๆ กฎระเบียบต่างๆ ในการดูแลรักษาคนไข้ก็มีเกณฑ์จากหน่วยงานต่างๆ มาจับมากขึ้น กลายเป็นภาระงานของแพทย์ พยาบาล ทำให้ต้องทำงานเพิ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาโดยตรง ไม่ว่าจะงานความเสี่ยง งานคุณภาพ เป็นภาระงานที่เพิ่มขึ้นมา รวมไปถึงค่าตอบแทนต่างๆ ตรงนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือของหลายกระทรวง และการป้องกันโรคการส่งเสริมสุขภาพต้องใช้ความร่วมมือหลายส่วนจริงๆ จึงควรเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานต้องมาร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
ถามกรณีข้อเสนอทบทวนหลักสูตรแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ให้เป็นเรียน 7 ปี นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าใช่ทางออก เพราะอดีตแพทย์ไทยก็เคยเรียน 7 ปี แต่เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาพบว่า การให้แพทย์เรียน 5 ปี แล้วปีที่ 6 เป็น Extern ก็สามารถมีคุณสมบัติดูแลผู้ป่วยได้ดี ปัจจุบันนอกจากปีที่ 6 เป็น Extern แล้ว ยังมีแพทย์ Intern ในปีที่ 7 ถือว่าเหมาะสม เพียงแต่ว่า จะทำอย่างไรให้ช่วงชีวิตในการเป็น Intern เป็นการเรียนรู้ เพราะวัตถุประสงค์ของ Intern คือ การได้ประสบการณ์เพิ่มเติม
“การดูแลแพทย์รุ่นน้องของสตาฟฟ์ ก็ต้องให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน หากเราปรับทัศนคติว่า เราเป็นรุ่นพี่ เป็นอาจารย์มาดูแลรุ่นน้อง ดูแลลูกศิษย์ ผมคิดว่าปัญหาก็น่าจะเบาบางลง ส่วนตัวหมอ Intern เองก็ต้องเข้าใจว่า ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้ งานบางอย่างย่อมหนักเช่นกัน” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การยกเลิกหลักสูตรหมอ Intern และปรับเป็น 7 ปี หากทำจริงจะยิ่งขาดแคลนแพทย์ไป 1 ปี แล้วบทบาทตอนปีที่ 7 กับตอน Intern ก็แตกต่างกัน หากบังคับเรียนหลักสูตร 7 ปี จะเกิดปัญหาคนที่อยากเรียนหมอคิดหนักว่า ใช้เวลาเรียนนานไปหรือไม่ เนื่องจากจบ 7 ปีเสร็จ ปีที่ 8 ก็ต้องเริ่มปฏิบัติงานชั้นปีที่ 1 หรือไม่ วนกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง สุดท้ายก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนแพทย์ใน รพ.ระดับจังหวัด อย่างหมอที่จบใหม่ เช่น 7 ปีจบก็ต้องออกไป รพ.ชุมชน หากคิดว่าไม่ต้องมี Intern อีก แสดงว่า รพ.จังหวัดจะไม่มีแพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ปฏิบัติงานอยู่เลย
ถามว่า ข้อเสนอเร่งด่วนที่สามารถแก้ปัญหาภาระงานแพทย์ Intern ขณะนี้ควรทำอย่างไร นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า มีข้อเสนอหลายทาง แต่ทางออกเฉพาะหน้าที่ทำได้ทันที คือ ขยายอายุแพทย์เกษียณให้เข้ามาช่วยทำงาน ลดภาระงานแพทย์ Intern อาจขยายไปในช่วงอายุ 63-65 ปี ส่วนแพทย์บริหารมองว่าไม่น่าจะได้ เพราะห่างจากวงการตรวจวินิจฉัยรักษาผู้ป่วยไปนานแล้ว แต่แพทย์ที่เพิ่งเกษียณสามารถทำได้ ให้มาช่วยตรวจคนไข้แผนก OPD จะลดภาระงานส่วนหนึ่งลง สามารถดำเนินการได้เลย ไม่ต้องปรับกฎระเบียบอะไร เพราะสามารถจ้างต่อได้ทันที คล้ายจ้างพาร์ตไทม์
"ช่วงอายุ 63-65 ปีน่าจะอยู่ในกรอบอายุที่มองว่า ยังมีสุขภาพที่แข็งแรง แพทย์ยิ่งอายุมากก็มีประสบการณ์มาก อายุระหว่างนี้จะมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อม ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ การควบคุมอารมณ์ต่างๆ จึงคิดว่าน่าจะเหมาะสม" นพ.สมศักดิ์กล่าวและว่า ส่วนคำถามว่าการจ้างแพทย์เกษียณกลับมาทำงานจะมีประเด็นเรื่องค่าตอบแทนที่รัฐไม่สามารถจ่ายเท่าเอกชนหรือไม่นั้น อัตราการจ้างของรัฐบาลคงไม่สามารถได้เท่าเอกชน แต่มองว่า แพทย์ที่เพิ่งเกษียณน่าจะยินดี และมีความสุขที่ได้มาช่วยตรงนี้ ค่าตอบแทนก็ขอให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
เมื่อถามว่ามีข้อกังวลว่า แพทย์อาวุโส ยิ่งแพทย์เกษียณฯ อาจมีปัญหาการสื่อสารกับหมอรุ่นใหม่ๆ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่เสนอนั้น คือ ควรทำงานแยกกันไปเลย โดยแพทย์เกษียณน่าจะมาช่วยตรวจคนไข้ OPD ส่วนการอยู่เวร แพทย์เกษียณไม่น่าจะอยู่ไหว แต่การมาตรวจ OPD แทน Intern จะช่วยลดภาระได้ การทำงานไม่ได้ติดต่อโดยตรง หรือบางคนก็ยังสามารถมาเป็นที่ปรึกษาแพทย์ OPD ได้ เพราะส่วนนี้ไม่ได้เคร่งเครียดเท่าฉุกเฉิน มองว่าทำงานด้วยกันได้ เพราะ Intern ก็เป็นรุ่นลูกของอาจารย์แพทย์ที่เกษียณแล้ว แนวทางตรงนี้เป็นแนวทางระยะสั้นที่จะแก้ปัญหาได้เลยและทำได้ทันที