กรมแผนไทย สั่งร้านขายกัญชา ส่งรายงานทุกสิ้นเดือน ไม่ทำถูกพักใช้-เพิกถอนตั๋ว

กรมแพทย์แผนไทยฯ ยันมีระบบดูแลร้านขายกัญชาหลังอนุญาต สั่งทุกร้านส่งแบบรายงานทุกเดือน รายงานแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บ หากไม่ส่งจะถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตฯ หากยังฝ่าฝืนขายต่อ ฟันโทษอาญาจำคุกและปรับ เพิกถอนตั๋วทันที หากขอใหม่ต้องรอ 2 ปี ส่วนร้านค้าใกล้โรงเรียน จะเข้มตรวจการขาย ห้ามขายเด็กเยาวชนนักเรียน

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์อนุญาตให้จำหน่ายกัญชา แต่ไม่มีการตรวจสอบ ว่า กรมฯ ได้จัดทำแบบรายงานข้อมูลแหล่งที่มากัญชา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้จำหน่าย ณ สถานประกอบการ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อส่งผู้อนุญาตในท้องที่แต่ละจังหวัด และส่วนกลางส่งผ่านอีเมลมายังกรมฯ ซึ่งปัจจุบันมีสถานประกอบการจำหน่ายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ยื่นขออนุญาตจำหน่ายหรือแปรรูป ส่งออก ศึกษาวิจัย ทั้ง กทม.และอีก 76 จังหวัด รวมกว่า 12,000 แห่ง เฉพาะ กทม.ได้ยื่นคำขอจำนวนกว่า 2,000 แห่ง หลังจากที่เริ่มดำเนินการได้ 3 เดือน และให้ทางร้านแต่ละแห่งได้เตรียมตัว พบว่ามีการส่งรายงานเพียง 100 แห่งเท่านั้น จึงต้องมีการเข้มงวดในการบังคับใช้กฏหมาย ดังนั้น เพื่อเป็นการตรวจสอบการใช้ช่อดอกกัญชาในเชิงพาณิชย์ กรมฯ จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการจำหน่ายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ทั่วประเทศ จัดทำแบบรายงานข้อมูลแหล่งที่มากัญชา การนำไปจำหน่าย และจำนวนที่เก็บไว้จำหน่าย (ตามแบบ ภท.27- ภท.32) ทุกสิ้นเดือน

"ถ้าสถานประกอบการไม่ให้ความร่วมมือ กรมฯ จะร่วมกับตำรวจและหน่วยงานทางปกครอง เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่ส่งรายงานข้อมูลตามแบบที่กำหนดจะถูกพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตจำหน่ายกัญชา หากถูกพักใช้ใบอนุญาตแล้ว ผู้ประกอบการยังไปจำหน่ายต่อ จะผิดกฎหมายอาญา โทษจำคุกและปรับ พร้อมถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่ถ้าต้องการขอใบอนุญาตใหม่ ต้องรอ 2 ปีหลังถูกเพิกถอน จึงสามารถขอใบอนุญาตประกอบการได้ใหม่" นพ.ธงชัยกล่าว
นพ.ธงชัย กล่าวว่า กัญชาเหมือนสุราและบุหรี่ ที่ต้องมีกฎหมายมาควบคุมโดยเฉพาะ จุดประสงค์หลักของกรมฯ คือ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งตามประกาศสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 กำหนดชัดห้ามจำหน่ายแก่เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี นักเรียน นิสิต นักศึกษา ซึ่งรวมถึงการขาย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยน ซึ่งเด็กและเยาวชนนำกัญชามาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม 2 กรณี คือ 1.ได้รับการจำหน่าย จ่าย แจก ซึ่งกฎหมายสามารถเอาผิดกับผู้ที่จำหน่าย จ่าย แจกให้เยาวชนได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นสถานประกอบการจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต และห้ามจำหน่ายด้วย และ 2.เด็กและเยาวชนที่ปลูกกัญชาเพื่อไว้ใช้เอง กรณีนี้ผู้ปกครองที่ดูแลบุตรหลาน ต้องมีการควบคุมดูแล เช่นเดียวกับบุหรี่หรือสุรา และให้แนวทางที่ถูกต้องแก่เด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด

ส่วนกรณีที่มีร้านขายช่อดอกกัญชาที่อยู่ใกล้บริเวณโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ตามประกาศฉบับนี้มีข้อห้ามจำหน่ายให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา อยู่แล้ว แต่ก็เข้าใจในข้อห่วงกังวลของสังคม เนื่องจากการจะออกกฎหมายเพื่อห้ามจำหน่ายที่ใกล้กับโรงเรียนนั้น ต้องออกเป็นกฎหมายระดับ พ.ร.บ.ที่เคยอยู่ในการพิจารณาในสภา เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมาตรา 40 กำหนดไว้ว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หากจะจำกัดเสรีภาพต้องต้องออกเป็นกฎหมายมาบังคับ ส่วนกรณีสุราที่มีการห้ามขายใกล้โรงเรียน ใช้ประกาศ คสช.ที่มีระดับเทียบเท่า พ.ร.บ.ไปบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ร้านจำหน่ายที่อยู่ใกล้โรงเรียนจะถูกตรวจสอบและเข้มงวดในการส่งรายงาน หากไม่ดำเนินการจะถูกพักใช้ใบอนุญาตและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เทศกิจของ กทม. ช่วยสอดส่องดูแล หากพบการกระทำผิดหรือไม่เหมาะสม สามารถแจ้งมาที่กรมฯ เพื่อช่วยกันกำกับดูแลอย่างเข้มงวดต่อไป