สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) จัดพิธีมอบและฉลองปริญญาบัตร รุ่นที่ 12 ประจำปีการศึกษา 2564 ซึ่งมีผู้สำเร็จการศึกษาในระดับศึกษาปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ทั้งหลักสูตรไทยและหลักสูตรนานาชาติ จำนวน 4,390 คน โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ นายกสภาสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และรองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวแสดงความยินดี เผยติดอาวุธให้ผู้เรียนในการทำงานผ่านการศึกษารูปแบบ Work-based Education ส่งเสริมให้คิดเป็น ทำเป็น เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม และมีงานทำ พร้อมสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม และองค์กร เมื่อวันที่ 4 - 5 มีนาคม 2566 ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ถนนแจ้งวัฒนะ
รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) เปิดเผยว่า “พิธีมอบปริญญาบัตร ถือเป็นวันอันน่ายินดีและภูมิใจของผู้สำเร็จการศึกษาทั้งบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต ซึ่งพีไอเอ็ม ได้ติดอาวุธใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. อาวุธทางทักษะการทำงาน การฝึกปฏิบัติงาน และการเรียนในห้องเรียนอย่างต่อเนื่องภายใต้รูปแบบ Work-based Education สามารถทำงานได้ทันทีหลังเรียนจบ 2.อาวุธทางภูมิปัญญาหรือองค์ความรู้ ซึ่งเรียนรู้ทฤษฏีจากห้องเรียน ที่ช่วยส่งเสริมให้คิดเป็น ทำเป็น วิเคราะห์เป็น และ 3. อาวุธทางคุณธรรม จริยธรรม นอกจากจะเป็นคนดี คนเก่งแล้ว ต้องนำมาใช้ประโยชน์ต่อการทำงาน ต่อตัวเอง ต่อองค์กร ต่อครอบครัว และต่อประเทศชาติ
ซึ่งจากนี้ผู้สำเร็จการศึกษาทุกท่าน โดยเฉพาะผู้ที่จบปริญญาตรี จะเข้าสู่ชีวิตการทำงานอย่างจริงจัง เป็นการเปิดขอบฟ้าแห่งการรับรู้ใหม่ๆ ทำให้มีประสบการณ์กว้างขวางขึ้น ขอให้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของโลก หรือที่เรียกว่า Disruption ที่ต้องเตรียมความพร้อม ใช้สิ่งที่เรียนรู้ฝึกปฏิบัติมาใช้ประโยชน์ให้รวดเร็วและมากที่สุด อีกทั้งยังคงยึดมั่นคุณธรรม ความถูกต้อง ใช้จริยธรรมจะเป็นเข็มทิศ เป็นหางเสือของการดำรงชีวิต และเกราะคุ้มกันในการทำงาน ทำให้ทุกอย่างราบรื่น โปร่งใส่ และมีธรรมาภิบาลที่ถูกต้อง” รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ กล่าว
สำหรับงานรับปริญญา รุ่นที่12 นี้จัดภายใต้คอนเซปต์ “แรงบันดาลใจ พลังแห่งความสำเร็จ” ในรูปแบบใหม่แหวกแนว นำทุกคนกลับสู่รั้วพีไอเอ็มอย่างมีความสุข อบอวลด้วยมิตรภาพจากเพื่อนๆ คณาจารย์และผู้บริหารที่มาสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง รวมถึงความรัก ความสุขจากครอบครัวที่มีต่อกัน ในบรรยากาศที่สง่างาม แฝงไปด้วยความเพลิดเพลิน สนุกสนาน พร้อมของว่างและเครื่องดื่มตลอดงาน อีกทั้งการแสดงความยินดีจากเครือข่ายพันธมิตรด้วยซุ้มแสดงความยินดีและบูธกิจกรรมจำนวนมาก
“แรงบันดาลใจ” ที่ทำให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จและ Ready to Work ในการทำงานหลังจบการศึกษา “ครูเฮง” สุริยันต์ ลาภเย็น มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการศึกษาและความเป็นผู้นำ คณะการจัดการการศึกษาเชิงสร้างสรรค์ปัจจุบันเป็น ครูชำนาญการ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงรูปแบบการเรียนของพีไอเอ็มว่า “พีไอเอ็มเปิดโลกทางการศึกษาที่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการพัฒนาของนานาประเทศทั่วโลก ทำให้มีมุมมองการทำงานที่กว้างไกลและลึกซึ้ง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการทำงานในยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งมีการจัดการเรียนการสอนที่สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นต่อตัวผู้เรียน และประสบการณ์นำไปใช้ได้จริง ซึ่งมีคุณค่ายิ่งกว่าตำรา”
ด้าน อัญธิกา สุขเกษม หรือ “จอย” บัณฑิตสาขาการจัดการธุรกิจการบิน คณะวิทยาการจัดการ ปัจจุบันทำงานเป็น Quality Assurance Staff บริษัท ไทยไฟลท์เทรนนิ่ง จำกัด (มหาชน) บอกเล่าถึงความภูมิใจหลังสำเร็จการศึกษาว่า “ดีใจมากๆ ที่เรียนจนได้เกียรตินิยมอันดับ 2 คิดว่าเพราะมีพรแสวง เรียนรู้ในสิ่งใหม่ ถึงทำให้ได้ทำงานในสายธุรกิจการบิน หากได้เรียนแต่ในห้องเรียนอย่างเดียว ไม่ได้ออกไปพบกับประสบการณ์จริงเลย จะทำให้เรานึกภาพของประเภทงานนั้นไม่ออก เมื่อได้ทั้งเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เลยเข้าใจว่าต้องมีทักษะอะไรบ้างสำหรับการทำงาน นอกจากนี้ยังได้ฝึกงานหลายรูปแบบ บางคนอาจจะยังไม่เจอสิ่งที่ชอบ แต่ที่นี่ทำให้ได้ค้นพบตัวตนของตัวเองเจอ งานที่ชอบ คณะที่ใช่ จบแล้วเวิร์คจริงๆ”
ทางด้าน “เฟิร์น” ไพลิน พรหมเดช บัณฑิตสาขาวิชาการจัดการอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอาคาร คณะวิทยาการจัดการ ปัจจุบันทำงานเป็น เจ้าหน้าที่ธุรการฝ่ายวิศวกรรมอาคาร บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงการได้เรียนคณะที่ชอบได้งานที่ใช่ว่า “เรียนที่นี่ได้ฝึกงานมากถึง 5 ครั้ง ตลอดหลักสูตร จึงได้ประสบการณ์การทำงานมากกว่าคนอื่น เพราะฝึกแต่ละครั้งเสมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง และได้คอนเนคชั่นที่ดีในสายงานที่เราเรียน ซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้งานทำก่อนเรียนจบ มาจากผลงานและความตั้งใจปฏิบัติงานของตัวเราเองที่สถานประกอบการมองเห็น ต่อให้เรายังไม่มีใบปริญญาในมือ สถานประกอบการก็พร้อมรับด้วยความเต็มใจ เหมือนมีเครดิตตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษา เพราะได้เห็นความสามารถของเราแล้ว”