แพทย์เตือน "นิ้วหัวแม่เท้าเอียง" จากการใส่ส้นสูง ปลายรองเท้าแคบ หัวแหลม คับแน่นเกินไป ชี้เป็นสภาวะผิดรูป ทำบวมแดง ปวด ใส่รองเท้าลำบาก รุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัด แนะใส่รองเท้าขนาดพอดี
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีรายงานข่าวในสื่อออนไลน์ พบว่า มี Hallux Valgus หรือภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง คือสภาวะหัวแม่เท้าผิดรูปที่เกิดจากกระดูกปูดออกมาจากบริเวณข้อต่อของโคนนิ้วหัวแม่เท้า เนื่องจากนิ้วหัวแม่เท้าถูกเบียดให้เอนไปชิดกับนิ้วชี้ทำให้ข้อต่อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้ายื่นออกมา โดยบริเวณที่มีอาการอาจมีลักษณะบวมแดงและทำให้รู้สึกเจ็บปวดทางด้านข้างหัวแม่เท้า ใส่รองเท้าลำบาก มักจะเกิดขึ้นจากการใส่รองเท้าส้นสูง ปลายรองเท้าแคบ บางคนอาจเคยสังเกตเห็นความผิดปกติบริเวณเท้า และบางครั้งอาจมีสีแดงระเรื่อบริเวณกระดูกที่ปูดนูนขึ้นมาอีกด้วย
นพ.อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผอ.รพ.เลิดสิน กล่าวว่า ปัจจัยกระตุ้นการเกิดภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง เกิดจากการสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมเป็นประจำ เช่น รองเท้าส้นสูง รองเท้าหัวแหลม รองเท้าที่คับแน่นจนเกินไป พบมากเมื่ออายุมากขึ้น ส่วนมากจะพบที่เท้าทั้ง 2 ข้างมากกว่าพบที่เท้าข้างเดียว การรักษามีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การรักษาเบื้องต้น ตั้งแต่พบอาการเริ่มแรก ไปจนถึงการผ่าตัดในผู้ที่มีอาการรุนแรง
นพ.พิสิฏฐ์ บุญมา ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางข้อเท้าและเท้า รพ.เลิดสิน กล่าวว่า การรักษาเบื้องต้น เลือกใส่รองเท้าที่เหมาะสม ใส่รองเท้าขนาดพอดี ไม่คับ หัวรองเท้ากว้าง (wide toe box) เมื่อสวมใส่แล้วสามารถขยับนิ้วเท้าได้ไม่บีบรัดนิ้วเท้า พื้นรองเท้านุ่ม ควรหลีกเลี่ยงรองเท้าที่มีหัวส่วนปลายที่แหลมและส้นรองเท้าสูงมากกว่า 2นิ้ว การรักษาด้วยการผ่าตัดขึ้นกับความรุนแรงของโรค มีทั้งการผ่าตัดแต่งกระดูก(osteotomy)การผ่าตัดเชื่อมกระดูกเท้า(Arthrodesis) มักแนะนำในผู้ที่มีนิ้วหัวแม่เท้าผิดรูปอย่างรุนแรง โดยหลังการผ่าตัดการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่เท้าจะทำได้น้อยลง และไม่สามารถใส่รองเท้าส้นสูงได้