จักษุแพทย์เตือนใช้ “เส้นผม” แยงท่อน้ำตาสุดอันตราย เสี่ยงอักเสบติดเชื้อถึงโพรงจมูก ชี้ ท่อน้ำตาขนาดเล็กมาก อาจแยงผิดจนทิ่มกระจกตาดำ หรือเยื่อบุตา จนเสียหาย เผย อาการท่อน้ำตาตันต่างจากน้ำตาคลอจากโรคตาแห้ง พบในเด็กแรกเกิดและสูงอายุมากกว่าวัยอื่น แนะพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานประประธานวิชาการและกิจกรรมสังคม ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคลิปในโซเชียลมีเดียที่มีการนำเส้นผมมาแหย่ท่อน้ำตากันเองเพื่อแก้ปัญหาท่อน้ำตาอุดตัน ว่า จริงๆ เป็นวิธีที่คนสมัยก่อนทำกัน เมื่อสงสัยว่าท่อน้ำตาตีบหรือตัน แต่ปัจจุบันเราไม่แนะนำ เนื่องจากเส้นผมไม่สะอาด การนำไปแยงท่อน้ำตา ซึ่งเป็นส่วนที่มีโอกาสติดเชื้อง่ายและสูง และต่อลงไปถึงโพรงจมูก อาจทำให้เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อบริเวณท่อระบายน้ำตาลงไปถึงโพรงจมูกได้ และการเอาสิ่งแปลกปลอมไปแยงดวงตามีโอกาสสูงให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดความเสียหาย เช่น เป็นแผลบริเวณกระจกตาดำ เยื่อบุตา หรือท่อระบายน้ำตา ส่วนที่บอกว่าช่วยเกาท่อน้ำตาหรือทำแล้วรู้สึกฟินๆ ความจริงคือเป็นความรู้สึกอาการคันๆ รู้สึกว่ามันสนุกดีก็เลยทำกัน ขอแนะนำว่าไม่ควรทำ
ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ปกติแล้วท่อน้ำตามีขนาดเล็กมาก 1 ใน 4 มิลลิเมตร การเกิดท่อน้ำตาตีบหรืออุดตันปกติจะเกิดใน 2 ช่วงอายุ คือ ท่อน้ำตาตันแต่กำเนิดจะเจอในเด็กแรกเกิด พบได้ประมาณ 4-5% ทำให้เด็กมีน้ำตาคลอ หรือน้ำตาไหลข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง จะเป็นได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน อีกกลุ่มคือผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ประมาณ 60-70 ปีขึ้นไป เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไปนานมากขึ้น ก็จะมีหินปูนมาเกาะ ทำให้ตีบหรือตันได้ อุบัติการณ์ขึ้นอยู่กับอายุ ยิ่งอายุเยอะก็จะพบมากกว่า แต่โดยประมาณพบอยู่ที่ 7-8% ส่วนเรื่องของอาการนั้น ในคนที่มีอาการเหมือนน้ำตาไหล หรือน้ำคลอต้องแยกลักษณะก่อน หากรู้สึกเป็นแค่น้ำตาเหนียวๆ เกาะที่ดวงตา ตรงนี้ไม่ใช่อาการของท่อน้ำตาตัน แต่เป็นอาการของคนที่น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาแห้ง หรือโรคตาแห้ง ซึ่งจะเหลือเป็นเมือกๆ เกาะตา จึงรู้สึกว่าเหมือนมีน้ำตาคลอตา แต่ไม่ได้เกิดจากท่อน้ำตาตัน ก็จะรักษาโดยให้น้ำตาเทียมหยอด
“หากสงสัยว่าจะเป็นท่อน้ำตาตัน น้ำตาที่คลอจะต้องไหลออกมาเลยเป็นหยดออกจากตาเลย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุอาจเกิดจากท่อน้ำตาตัน จักษุแพทย์จะใช้เครื่องมือล้างทดสอบดูว่าท่อระบายน้ำตาตันจริงหรือไม่ หากตันจริงอาจขยายท่อน้ำตาให้ หรือหากจำเป็นต้องผ่าตัดก็จะผ่าตัด ซึ่งมีความปลอดภัย ส่วนกรณีในเด็กแรกเกิดเราจะสังเกตอาการ ถ้าอายุ 1 ขวบ ยังไม่หายก็สมารถแยงท่อน้ำตาได้ โดยใช้เส้นลวดทางการแพทย์ และดำเนินการโดยจักษุแพทย์ก็จะมีความปลอดภัย ทั้งนี้ หากมีอาการสงสัยเกี่ยวกับดวงตาควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้การดูแลรักษาอย่างถูกต้อง” ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว