อย. อนุมัติใช้ยาฉีด Evusheld เพื่อป้องกันโควิด 19 ในภาวะฉุกเฉิน ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป น้ำหนักตัวอย่างน้อย 40 กิโลกรัม ผลศึกษาพบสามารถป้องกันติดเชื้อ ป่วยหนัก และเสียชีวิตในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง 3 กลุ่ม
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนยา "Evusheld" ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ภายใต้การอนุญาตแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยา Evusheld เป็นยาในกลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่ใช้เพื่อป้องกันโรคโควิด 19 แต่ไม่ได้ใช้สำหรับการรักษาแต่อย่างใด และไม่ได้นำมาใช้แทนที่การสร้างภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน โดยยานี้สามารถใช้ได้ในกลุ่มผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ที่มีน้ำหนักตัวอย่างน้อย 40 กิโลกรัม สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้ยานี้ ควรแจ้งข้อมูลเบื้องต้นกับแพทย์ เช่น ประวัติการแพ้ยา ประวัติการรักษาโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ การตั้งครรภ์และการให้นมบุตร รวมถึงประวัติการได้รับวัคซีน เป็นต้น ทั้งนี้ ยา Evusheld ได้รับการขึ้นทะเบียนยาแล้วจากทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกามาก่อนหน้านี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Evusheld เป็นแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวสองชนิดได้แก่ tixagevimab และ cilgavimab ได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉินสำหรับป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด 19 ในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 40 กิโลกรัม ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคม 2564 และยุโรปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 โดยมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องปานกลางถึงรุนแรงที่อาจตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนโควิดได้ไม่ดีหรือคนที่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีน หรือไม่ยอมฉีดวัคซีน ส่วน สธ.ได้ศึกษาความคุ้มค่า พบว่า Evusheld สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 การป่วยหนักและเสียชีวิตในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยล้างไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องภูมิคุ้มกันของตนเอง ในระยะเวลา 6 เดือน แต่มีความคุ้มค่าในผู้ป่วยล้างไตมากที่สุด ส่วนการจัดซื้อยาดังกล่าวจะใช้โควตาจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าบางส่วนเปลี่ยนมาเป็นแอนติบอดีดังกล่าว