สบส.ออกประกาศให้บ้านพักคนชรา ขออนุญาตเป็นสถานพยาบาลชั่วคราวได้ ทำ Nursing Home Isolation ดูแลผู้สูงอายุติดเชื้อโควิด ระหว่างรอส่งต่อ รพ. ย้ำจัดแบ่ง 3 โซน ป้องกันการแพร่เชื้อ หากอาการส่อแววหนัก ให้รีบประสานนำส่ง รพ.
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า กิจการการดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home) เป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ มีประชากรสูงอายุเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ติดเชื้อเร็ว แพร่เชื้อง่าย จึงเป็นห่วงผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานดูแลต่างๆ หากเกิดการติดเชื้อและไม่ได้รับการดูแลที่มีมาตรฐาน อาจทำให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ สบส.จึงออกประกาศกรม เรื่อง กำหนดสถานที่อื่นเป็นสถานพยาบาล ณ ที่พำนักของผู้ป่วย ประเภท Community Isolation พ.ศ. 2565 โดยกำหนดให้สถานประกอบกิจการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ที่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 เป็นสถานพยาบาล ณ ที่พำนักของผู้ป่วย ประเภท Community Isolation ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาก่อนหน้านี้
“กิจการดูแลผู้สูงอายุที่ประสงค์จะเป็นสถานพยาบาลชั่วคราวตามประกาศดังกล่าว ต้องได้รับอนุมัติจาก สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) โดยผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 ไม่ว่าจะด้วยการตรวจ ATK หรือ RT-PCR ต้องมีการแยกกักตัวอย่างเหมาะสม มีความปลอดภัยในสถานดูแล (Nursing Home Isolation) ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ระหว่างรอการส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ในกรณีที่เตียงโรงพยาบาลเหลือน้อยหรือไม่เพียงพอ หรือดูแลจนกว่าอาการทุเลาหรือหายขาดจากโรค” นพ.ธเรศ กล่าว
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า หากพบผู้สูงอายุติดเชื้อโควิด-19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ผู้ประกอบการต้องรายงานผลการติดเชื้อต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ทันที และประสานส่งต่อผู้สูงอายุที่ติดเชื้อไปยังสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยนั้นมีสิทธิรักษา ระหว่างรอการส่งต่อหรือจำเป็นต้องพักรักษาตัวในสถานดูแล เนื่องจากเตียงใน รพ.ไม่เพียงพอ จะต้องจัดแยกโซนการดูแลออกเป็น 3 โซน คือ ผู้ติดเชื้อ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (PUI) และผู้สูงอายุปกติ กำหนดให้มีการเข้าออกคนละทาง ต้องเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเท ระบายอากาศได้ดี เป็นระบบปรับอากาศแยกส่วน ต้องตั้งทีมดูแลผู้สูงอายุเฉพาะกิจแยกจากทีมที่ดูแลผู้สูงอายุปกติ เตรียมระบบสื่อสารกับคนไข้ เช่น Line หรือ Telemedicine ประสานงาน รพ.คู่สัญญาให้จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว ยาหรือเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ แจ้งญาติงดเยี่ยมผู้สูงอายุที่ ติดเชื้อทุกกรณี ให้เยี่ยมผ่านระบบออนไลน์แทน ต้องมีการประเมินอาการรายวัน และรายงานอาการของผู้ป่วยให้ รพ.หรือแพทย์เจ้าของไข้ทราบ และประสานส่งต่อเร่งด่วนกรณีผู้สูงอายุมีอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง หรือเกิดอันตรายต่อชีวิต