กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุในวันพุธ (13 เม.ย.) จะฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 แก่ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป ในขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังดิ้นรนต่อสู้กับตัวกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่เชื้อได้ง่าย แม้เคสผู้ติดเชื้อรายวันลดเหลือ 195,000 ราย เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) จากช่วงพีคสุดมากกว่า 383,000 คน ในช่วงกลางเดือนมีนาคม
ควอน ด็อกชอล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ กล่าวกับที่ประชุมหนึ่งว่า "รัฐบาลมีแผนขยายการฉีดวัคซีนเข็ม 4 ครอบคลุมบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป" พร้อมระบุว่า อัตราการติดเชื้อในกลุ่มอายุนี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่เหนือระดับ 20% แล้ว
ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้เสนอฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 เฉพาะกับประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูง ในนั้นรวมถึงบุคคลที่พักอาศัยอยู่ตามบ้านพักคนชราทั้งหลาย ในขณะที่ระลอกการแพร่ระบาดของโอมิครอน ผลักเคสผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งสูงสุดทุบสถิติหลายต่อหลายรอบในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ระลอกการแพร่ระบาดของโอมิครอนดูเหมือนจะผ่านจุดพีกสุดแล้ว ด้วยเคสผู้ติดเชื้อลดลงมาราวๆ 1 ใน 3 ของจำนวนสูงสุดที่พบเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม โดยในช่วงนั้นเกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 383,664 ราย ในวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม
เกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 195,419 ราย จนถึงเที่ยงคืนวันอังคาร (12 เม.ย.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศแห่งนี้ เพิ่มเป็น 15,830,644 ราย และเสียชีวิต 20,034 คน
ควอน ระบุว่า รายละเอียดของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 จะมีการเปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวหลังจากนี้ในวันเดียวกัน
จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีใต้ พบว่า จนถึงตอนนี้มีประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็ม 4 แล้ว 316,608 ราย และมีประชาชนแล้ว 33 ล้านคน หรือคิดเป็น 64.2% ของจำนวนประชากร ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 3
นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้เผยว่าพวกเขาจะแถลงปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ ด้านมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ในวันศุกร์ (15 เม.ย.)
ประเทศแห่งนี้ได้ผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 ไปแล้วหนหนึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวสำหรับร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ ไปเป็นเที่ยงคืน และเปิดทางให้ประชาชนรวมกลุ่มกันสูงสุดไม่เกิน 10 คน
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขรายหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแห่งหนึ่งในวันอังคาร (12 เม.ย.) ว่า การยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดเกี่ยวกับชั่วโมงการเปิดธุรกิจและการรวมตัวของประชาชน เป็นหนึ่งในบางมาตรการที่กำลังอยู่ในการพิจารณา เนื่องจากประสิทธิภาพของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมกำลังลดน้อยลง
นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าการบังคับสวมหน้ากากในปัจจุบันจะอยู่ในบรรดามาตรการที่จะถูกการพิจารณาทบทวนเช่นกัน
(ที่มา : รอยเตอร์)