xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ย้ำกลับจากสงกรานต์ทำงานที่บ้าน 7 วัน สกัดแพร่โควิด กทม.คาดป่วยหนักอาจเพิ่ม 20-30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.แนะกลับจากสงกรานต์ ทำงานที่บ้าน 5-7 วัน ตรวจ ATK ก่อนกลับมาเริ่มงานวันแรก ช่วยป้องกันนำเชื้อโควิดกลับมาแพร่ใน กทม. เผย วัคซีนเข็ม 3 ยังได้ 37% ต้องให้ได้ 80% กลุ่ม 608 อย่างน้อย 60% เพื่อลดป่วยรุนแรงและเสียชีวิต เชื่อปอดอักเสบ-ใส่ท่อช่วยหายใจอาจเพิ่มขึ้น 20-30% แต่ไม่ถึงจุดพีคของเดลตา ส่วน กทม.ป่วยหนักอาจเพิ่มไม่มาก เหตุกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนเข็ม 3 จำนวนมาก

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังประชาชนเดินทางกลับจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลักสำคัญในการป้อกงันการแพร่เชื้อโควิด-19 ที่อยากให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนปฏิบัติ คือ ให้ทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) 5-7 วันก่อน พร้อมให้ตรวจ ATK ก่อนกลับเข้าทำงานวันแรก เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เราจะไม่นำเชื้อกลับมา กทม. ทำให้การติดเชื้อไม่มากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ คือ วันละ 3 พันราย

อย่างไรก็ตาม เราเน้นการลดอัตราเสียชีวิตของโควิด คือ การฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น ที่ตอนนี้ฉีดได้เพียง 37% จากเป้าหมาย 60% จึงจะเรียกได้ว่ามีความปลอดภัย ย้ำว่า การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นยังไม่น่าห่วงเท่าการติดเชื้อไปสู่ผู้สูงอายุในบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะป้องกันได้ดี แต่หากติดเชื้อมากขึ้นก็อาจจะหลบเลี่ยงได้ยาก แต่กลุ่ม 608 ในพื้นที่ กทม.ฉีดวัคซีนไปได้ครอบคลุมแล้ว อัตราการป่วยตายก็จะเพิ่มขึ้นไม่เยอะ

“การเสียชีวิตจากโควิดเคยเห็นตัวเลขสูงถึงวันละ 300 ราย ซึ่งเมื่อเราดูตัวเลขสำคัญก่อนที่จะเสียชีวิต คือ ผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะนี้ผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ที่ 2,000 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 700-800 ราย ยังห่างจากตัวเลขที่เคยพบสูงสุดในระลอกเดลตาที่พบผู้ป่วยปอดอักเสบถึง 6,000 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจอีกเกือบ 1,500 ราย หลังสงกรานต์ก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาราว 20-30% แต่ไม่ถึงจำนวนพีคที่สุดแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีระบบการรักษาแบบผู้ป่วยนอก และรักษาที่บ้าน ก็จะเข้ามาช่วยได้มากขึ้น ลดความหนาแน่นในสถานพยาบาลได้” นพ.จักรรัฐ กล่าว

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้เราผ่านช่วงเวลาเสี่ยงนี้ไปด้วยดี คือ “2U” Universal Prevention และ Universal Vaccination เป็นการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะผ่านช่วงสงกรานต์ไปแล้ว แต่ก็สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง เป้าหมายการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภาพรวมทั่วประเทศ ต้องถึง 80% และครอบคลุมกลุ่มสูงอายุมากกว่า 60 ปีต้องได้ถึง 60% เพื่อก้าวสู่โรคประจำถิ่นต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น