พบคนไทย 6.7 ล้านคน ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน ส่วนใหญ่เกิดจากหัวหน้าครอบครัว 76.7% ย้ำควันบุรี่มือสองมีสารเคมีกว่า 7 พันชนิด ก่อมะเร็งถึง 70 ชนิด แถมตกค้างในบ้านเป็นควันบุหรี่อสามอีก ชวนดีเดย์วันครอบครัว ทำบ้านให้ปลอดบุหรี่
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เนื่องในวันครอบครัว 14 เม.ย. และตรงกับเทศกาลวันสงกรานต์ ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมสร้างกระแสค่านิยมการไม่สูบบุหรี่ในบ้าน เพื่อปกป้องสุขภาพของสมาชิกในบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กอาศัยอยู่จากอันตรายของควันบุหรี่ ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีทั้งสิ้น 57 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.4 โดยผู้ชายจะสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิงถึง 20 เท่า ถึงแม้ว่ายอดตัวเลขผู้สูบบุหรี่จะมีแนวโน้มที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2560 แต่ยังมีประชากรกว่า 6.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 23.7 ยังได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้านของตนเอง จากข้อมูลของผู้สูบบุหรี่ปัจจุบันที่ระบุว่ามีการสูบบุหรี่ในบ้านตนเอง ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 76.7 รองลงมาเป็นบุตร คิดเป็นร้อยละ 12.2
“เป็นที่ทราบกันดีว่า ควันบุหรี่มือสองมีสารเคมีมากกว่า 7,000 ชนิด มี 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง และควันบุหรี่มือสามที่ตกค้างติดอยู่ตามเส้นผม ผิวหนัง เสื้อผ้า และสิ่งของในบ้านอื่นๆ มีสารพิษตกค้างที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เด็กมีโอกาสได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือสองได้มากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็กมีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ และไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ตัวเด็กเองอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่ ด้วยการสูบบุหรี่ในอนาคต จึงอยากเชิญชวนทุกคนทั้งที่สูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่ ร่วมรณรงค์สร้างกระแส “บ้านปลอดบุหรี่” ด้วยการไม่สูบบุหรี่ในบ้าน ไม่สูบบุหรี่ใกล้เด็ก ดีที่สุดคือเลิกสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพของตัวท่านเอง ลูกหลานและทุกคนในครอบครัว” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้จัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมในหัวข้อ บ้านที่ไม่มีควันบุหรี่ดีอย่างไร? ผ่านเฟซบุ๊กแพนเพจ บ้านปลอดบุหรี่ : Smoke Free Home ของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มีหลายครอบครัวได้ร่วมสะท้อนความคิดเห็นดังกล่าว เช่น ครอบครัวคุณประภัสสร บัวภาเรือง “บ้านที่ปลอดบุหรี่ คือ บ้านที่ไม่มีมลภาวะเป็นพิษ ต่อตนเองและผู้อื่น ทำให้ปราศจากโรคทางเดินหายใจ เช่น ถุงลมโป่งพอง ไม่เหม็นกลิ่นควันบุหรี่ จนทำให้เวียนหัวหรือเสียสุขภาพกายและใจ เป็นบ้านที่มีแต่ความสุข” ครอบครัวคุณสุพจน์ สุขเสริม “บ้านที่ไม่มีควันบุหรี่ ดีต่อครอบครัว ทำให้ทุกคนในบ้านและคนใกล้ตัวมีสุขภาพที่แข็งแรง สุขภาพจิตดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก” ครอบครัวคุณจันทร์นา วรพัฒนกุล “บ้านที่ไม่มีควันบุหรี่ จะทำให้สุขภาพร่างกายเราแข็งแรง ลดอาการของโรคต่างๆ ที่จะตามมา ถ้าเป็นเด็กที่สูดควันบุหรี่เข้าไปมากๆ ก็จะทำให้เกิดโรคหอบได้ ตอนนี้สามีเลิกบุหรี่มา 5-6 ปี แล้วค่ะ เพื่อตัวเองและเพื่อครอบครัว” และอีกหลายครอบครัวที่เห็นความสำคัญของการทำบ้านปลอดบุหรี่