บอร์ดคุมยาสูบฯ มีมติเห็นชอบจุดยืนมาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขาย "บุหรี่ไฟฟ้า" ทุกรูปแบบในไทย ชี้ปลอดภัยไว้ก่อน เหตุไม่ได้ช่วยเลิกบุหรี่ แต่นำไปสู่การติดบุหรี่มากขึ้น อย่าถอยหลังเข้าคลองในการควบคุม เผยมีคนสูบกว่า 7 หมื่นคน 1 ใน 3 เป็นเยาวชน
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ว่า ที่ประชุมบอร์ดควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้คงมาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ตามจุดยืนของประเทศไทยในฐานะประเทศรัฐภาคีภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก เพื่อป้องกันเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงประชาชนทุกคน ไม่ให้ได้รับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท ภายใต้แนวนโยบาย “ปลอดภัยไว้ก่อน เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด” เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นต้นทางของการสูบบุหรี่ธรรมดาในเด็กและเยาวชน นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเสพติดที่สำคัญ นอกจากนั้น บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงแล้วยังส่งผลเสียต่อสังคม ทำให้ประเทศไทยถอยหลังในการควบคุมการบริโภคยาสูบ
"การห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นมาตรการสำคัญในการปกป้องเด็กจากการตกเป็นเหยื่อ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเตรียมพิจารณาหากเข้าเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะนำเสนอเข้า ครม.เพื่อให้ทราบมติจากที่ประชุมต่อไป" นพ.เกียรติภูมิกล่าว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยมีมาตรการทางกฎหมายในการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ยังพบมีการฝ่าฝืนสูบบุหรี่ไฟฟ้า จากผลสำรวจการบริโภคยาสูบของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบว่า มีคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 78,742 คน ของประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นเพศชาย 71,486 คน เพศหญิง 7,256 คน ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม.และภาคกลาง โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กเยาวชนและวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-24 ปี 24,050 คน