5 องค์กรแพทย์ออกประกาศหนุนฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น แจงกันโอมิครอนไม่ได้ 100% แต่ลดป่วยหนัก-ดับ ได้ ไม่มีหลักฐานทำให้ภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัสตามที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียล
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 65 องค์กรวิชาชีพแพทย์ ประกอบด้วย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย สมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกประกาศสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น โดยระบุว่า
ตามที่มีบทความเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่เราฉีดกันแล้ว 3 หรือ 4 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ขณะที่การป้องกันอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตก็เริ่มเป็นที่สงสัย เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่มากเกินไปภูมิคุ้มกันที่ได้อาจเป็นภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกาย อาจกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้าข้างกับไวรัส คือ ผู้ติดเชื้ออาจจะมีอาการหนักเกิดขึ้นได้เมื่อติดเชื้อ และเพิ่มการอักเสบมากขึ้น รวมทั้งความเห็นในทางที่ชี้ว่าวัคซีนอาจจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลยและอาจจะต้องหันไปหาทางอื่นเช่น การใช้ยารักษานั้น
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย สมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ที่มีสมาชิกเป็นแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหลัก มีความห่วงใยในความเห็นดังกล่าว ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดเรื่องวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนโดยทั่วไป จึงขอออกประกาศร่วม 5 องค์กร ในเรื่องดังกล่าวต่อไปนี้
1. วัคซีนโควิด-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นโดยส่วนของเชื้อที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม เมื่อมีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจึงทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ลดลงอย่างมากในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกินกว่า 3 เดือน จึงควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ถึงแม้การให้วัคซีนเข็มกระตุ้นจะไม่สามารถป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ 100% แต่มีข้อมูลทั้งจากการทดลอง และการศึกษาวิจัยพบว่าการให้วัคซีนเข็นกระตุ้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้เพิ่มขึ้น และป้องกันการเกิดโควิด-19 ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม และที่สำคัญสามารถลดการนอนโรงพยาบาล การเกิดปอดอักเสบ การนอนในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิต ได้ดีกว่าการรับเพียง 2 เข็มมาก โดยมีการศึกษาประสิทธิผลของการใช้วัคซีนในโลกแห่งความจริง (real world study) ที่ยืนยันถึงผลดีของการให้วัคซีนเข็มกระตุ้นในประเทศต่างๆ เช่น อิสราเอล อังกฤษ การ์ตา และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์ภายในประเทศและต่างประเทศ พบว่า ผู้ที่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตนั้น ส่วนใหญ่คือ ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยหรือยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น แม้เป็นผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว ถ้าได้รับวัคซีนครบถ้วน ก็มักจะมีอาการเพียงเล็กน้อย และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หายจากโรคได้ในเวลาอันรวดเร็ว
2. ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิก รวมทั้งงานวิจัยขนาดใหญ่และการศึกษาในโลกแห่งความจริงที่แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า การได้รับวัคซีนที่มากเกินไป จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกายและกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้าข้างกับไวรัส และยังไม่มีข้อมูลที่แสดงว่า ผู้ได้รับวัคซีนเมื่อป่วยเป็นโควิด-19 มีการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่กลับพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ซ่วยลดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ รวมทั้งลดการเกิดอาการภายหลังโควิด-19 (long COVID) ด้วย
3. ถึงแม้ในปัจจุบันมีความพยายามผลิตวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพดีต่อเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน แต่ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อใช้ในการผลิต จึงยังไม่แน่นอนว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิดใหม่จะสามารถผลิตใช้โดยทั่วไปได้เมื่อใดในอนาคต จึงยังคงมีความจำเป็นที่ต้องรับการกระตุ้นด้วยวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตสำหรับสายพันธุ์ดั้งเดิมไปก่อนในปัจจุบัน
ดังนั้น องค์กรวิชาชีพทั้ง 5 องค์กรจึงขอสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีโรคประจำตัว รับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเทศกาลสงกรานต์
ประกาศ ณ วันที่ 5 เมษายน 2565