ยอดโควิดพุ่ง 2.8 หมื่นราย ดับนิวไฮ 92 ราย เจอทารก 11 เดือนดับอีกแล้ว ภาพรวม 23 จังหวัดยังติดเชื้อสูงเกิน 400 ราย ส่วนติดเชื้อต่ำกว่าร้อยรายมีแค่ 12 จังหวัด“ลำพูน” วันนี้รายงานเป็น 0 อัตราครองเตียงเพิ่มขึ้นเป็น 29.4% ใส่เครื่องช่วยหายใจ 712 ราย
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 56 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 28,379 ราย สะสม 3,656,726 ราย หายป่วย 23,843 ราย สะสม 3,380,290 ราย เสียชีวิต 92 ราย สะสม 25,222 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 251,214 ราย อยู่ใน รพ. 64,419 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 186,795 ราย มีอาการหนัก 1,828 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 712 ราย อัตราครองเตียงสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 29.4%
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 92 ราย มาจาก 38 จังหวัด ได้แก่ กทม. 7 ราย, บุรีรัมย์ พัทลุง จังหวัดละ 5 ราย, สมุทรปราการ ปทุมธานี สงขลา ยะลา ชลบุรี จังหวัดละ 4 ราย, ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย จังหวัดละ 3 ราย, นครปฐม สุรินทร์ อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ พิจิตร ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นนทบุรี กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู ลำปาง กำแพงเพชร ตรัง ปัตตานี นราธิวาส ปราจีนบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา อุทัยบุรี นครสวรรค์ และสระบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 50 ราย หญิง 42 ราย อายุ 11 เดือน - 97 ปี เฉลี่ย 73 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 93%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุด คือ 1. กทม. 3,350 ราย 2. ชลบุรี 1,352 ราย 3. นครศรีธรรมราช 1,259 ราย 4. สมุทรปราการ 933 ราย 5. สมุทรสาคร 854 ราย 6. สงขลา 744 ราย 7. ขอนแก่น 726 ราย 8. นนทบุรี 716 ราย 9. ราชบุรี 701 ราย และ 10. นครปฐม 698 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 400 รายขึ้นไปยังมีอีก 13 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา 675 ราย, ร้อยเอ็ด 636 ราย, พระนครศรีอยุธยา 616 ราย, บุรีรัมย์ 593 ราย, ระยอง 571 ราย, ศรีสะเกษ 570 ราย, นครราชสีมา 542 ราย, สุพรรณบุรี 465 ราย, เชียงใหม่ 458 ราย, อุบลราชธานี 444 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 421 ราย, ปทุมธานี 416 ราย และ พัทลุง 416 ราย ส่วนจังหวัดที่ติดเชื้อไม่ถึง 100 ราย มี 12 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู 95 ราย, พังงา 91 ราย, นครพนม 89 ราย, มุกดาหาร 83 ราย, พิจิตร 80 ราย, สมุทรสงคราม 77 ราย, ปัตตานี 72 ราย, ยะลา 66 ราย, นราธิวาส 62 ราย, อุตรดิตถ์ 45 ราย, ชัยนาท 29 ราย และ เชียงราย 28 ราย ส่วน “ลำพูน” รายงาน 0 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 64 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 62 ราย ใน 22 ประเทศ โดยมาจากกัมพูชามากที่สุด 30 ราย ที่เหลือติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 28 ราย แซนด์บ็อกซ์ 3 ราย กักตัว 31 ราย สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-31 มี.ค. 2565 จำนวน 273,133 ราย รายงานติดเชื้อ 1,584 ราย คิดเป็น 0.58% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 246,819 ราย ติดเชื้อ 1,062 ราย คิดเป็น 0.43% แซนด์บ็อกซ์ 22,142 ราย ติดเชื้อ 380 ราย คิดเป็น 1.72% และกักตัว 4,172 ราย ติดเชื้อ 142 ราย คิดเป็น 3.4%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 31 มี.ค. ฉีดได้ 190,438 โดส สะสมรวม 129,552,466 โดส เป็นเข็มแรก 55,542,221 ราย คิดเป็น 79.9% ของประชากร เข็มสอง 50,317,723 ราย คิดเป็น 72.3% ของประชากร และเข็มสาม 23,692,522 ราย คิดเป็น 34.1% ของประชากร