ยอดโควิดรายใหม่ยังเกิน 2.5 หมื่นราย ป่วยหนักและใส่เครื่องช่วยหายใจเริ่มลดลง เสียชีวิตยังสูง 87 ราย สลดเด็กเล็กยังตายรายวัน วันนี้เป็นเด็ก 7 เดือน ส่วนผู้สูงอายุเป็นทวดอายุ 102 ปี ติดเชื้อเกินพันรายเหลือ 2 จังหวัด กทม.-ชลบุรี ภาพรวม 15 จังหวัด ยังติดเชื้อเกิน 500 ราย
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 54 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 25,389 ราย สะสม 3,600,787 ราย หายป่วย 26,084 ราย สะสม 3,331,370 ราย เสียชีวิต 87 ราย สะสม 25,045 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 244,372 ราย อยู่ใน รพ. 59,826 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 184,546 ราย มีอาการหนัก 1,727 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 679 ราย อัตราครองเตียงสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 28.7%
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 87 ราย มาจาก 39 จังหวัด ได้แก่ กทม. 7 ราย, สมุทรสาคร 5 ราย, สมุทรปราการ ร้อยเอ็ด สุโขทัย ลพบุรี จังหวัดละ 4 ราย, อุบลราชธานี กำแพงเพชร ตาก พะเยา พัทลุง ชลบุรี ปราจีนบุรี จังหวัดละ 3 ราย, ปทุมธานี สุรินทร์ ขอนแก่น หนองคาย อำนาจเจริญ เพชรบูรณ์ สงขลา สมุทรสงคราม สระบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สระแก้ว จังหวัดละ 2 ราย และ เลย กาฬสินธุ์ สกลนคร ลำปาง เชียงราย ชุมพร กระบี่ ปัตตานี ยะลา นครสวรรค์ สิงห์บุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 39 ราย หญิง 48 ราย อายุ 7 เดือน-102 ปี เฉลี่ย 73 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 95%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุด คือ 1. กทม. 3,325 ราย 2. ชลบุรี 1,283 ราย 3. นครศรีธรรมราช 889 ราย 4. สมุทรปราการ 848 ราย 5. สมุทรสาคร 793 ราย 6. นนทบุรี 785 ราย 7. ราชบุรี 688 ราย 8 .ฉะเชิงเทรา 657 ราย 9. ระยอง 556 ราย และ 10.พระนครศรีอยุธยา 550 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 47 จังหวัด คือ ขอนแก่น 547 ราย, บุรีรัมย์ 540 ราย, นครปฐม 530 ราย, สงขลา 530 ราย, สุพรรณบุรี 518 ราย, เชียงใหม่ 446 ราย, ร้อยเอ็ด 415 ราย, นครราชสีมา 409 ราย, ปราจีนบุรี 405 ราย, กาญจนบุรี 392 ราย, อุดรธานี 387 ราย, อุบลราชธานี 385 ราย, นครสวรรค์ 362 ราย, สุรินทร์ 360 ราย, จันทบุรี 334 ราย, สระแก้ว 330 ราย, ปทุมธานี 327 ราย, หนองคาย 314 ราย, นครนายก 303 ราย, น่าน 300 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 293 ราย, กาฬสินธุ์ 283 ราย, สตูล 283 ราย, พัทลุง 270 ราย, ลำปาง 270 ราย
ศรีสะเกษ 257 ราย, เพชรบุรี 246 ราย, พิษณุโลก 242 ราย, สกลนคร 238 ราย, เลย 236 ราย, ภูเก็ต 232 ราย, สุโขทัย 204 ราย, ตาก 197 ราย, กำแพงเพชร 190 ราย, ชุมพร 189 ราย, ชัยภูมิ 183 ราย, ระนอง 174 ราย, ตราด 169 ราย, บึงกาฬ 167 ราย, อ่างทอง 161 ราย, สุราษฎร์ธานี 153 ราย, สระบุรี 151 ราย, หนองบัวลำภู 135 ราย, มหาสารคาม 130 ราย, กระบี่ 128 ราย, ยโสธร 128 ราย และ ยะลา 108 ราย ทั้งนี้ มีจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมีจังหวัดเดียว คือ ลำพูน 2 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 44 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 47 ราย ใน 23 ประเทศ โดยมาจากอังกฤษมากที่สุด 10 ราย เยอรมนี 6 ราย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ประเทศละ 5 ราย ที่เหลือติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 30 ราย แซนด์บ็อกซ์ 3 ราย กักตัว 12 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 2 ราย มาจากเมียนมา สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-29 มี.ค. 2565 จำนวน 255,014 ราย รายงานติดเชื้อ 1,493 ราย คิดเป็น 0.59% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 229,636 ราย ติดเชื้อ 1,009 ราย คิดเป็น 0.44% แซนด์บ็อกซ์ 21,448 ราย ติดเชื้อ 368 ราย คิดเป็น 1.72% และกักตัว 3,930 ราย ติดเชื้อ 116 ราย คิดเป็น 2.95%
การฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 29 มี.ค. ฉีดได้ 189,530 โดส สะสมรวม 129,071,569 โดส เป็นเข็มแรก 55,409,317 ราย คิดเป็น 79.7% ของประชากร เข็มสอง 50,275,055 ราย คิดเป็น 72.3% ของประชากร และเข็มสาม 23,387,197 ราย คิดเป็น 33.6% ของประชากร