"อนุทิน" ยันไม่ได้เสนอถอดหน้ากากในสวน ชี้เป็นแผนอนาคต หากสถานการณ์ดีขึ้นถึงเป้าหมายเป็นโรคประจำถิ่น อาจผ่อนปรนบางพื้นที่ ส่วนประชุม ศบค.พรุ่งนี้ชงเลิกตรวจเชื้อก่อนเข้าไทย เน้นย้ำ Clean Up ก่อนกลับบ้าน ส่วนจะเล่นน้ำได้หรือไม่ รอ ศบค.เคาะมาตรการ เผย UCEP Plus ไร้ปัญหา ลั่นไม่อยากใช้ "เจอ แจก จบ" ให้ลดละเลิก "น้ำเมา" ก่อนกลับบ้านสงกรานต์ ดันเป็นค่านิยมใหม่กลับบ้านปลอดภัย
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวยกเลิกสวมหน้ากากในสวนสาธารณะ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการสื่อสารผิดพลาด ซึ่งผู้ที่แพร่ข่าวนั้นไปก็แก้ไขข่าวให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ในเรื่องของการทำให้โรคโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ก็ต้องเร่งฉีดวัคซีน เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล ยา บุคลากรทางการแพทย์ และมาตรการต่างๆ ที่จะทำให้ความเป็นปกติเกิดขึ้นมากที่สุด เรามีการกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ก่อนจะเป็นโรคประจำถิ่นได้ จะต้องทำอย่างไรบ้าง เช่น อัตราการเสียชีวิต ความพร้อมของสถานพยาบาล อัตราความครอบคลุมวัคซีน ความพร้อมยาเวชภัณฑ์ต่างๆ มีข้อกำหนดอยู่ ถ้าไปถึงตรงนั้นได้ ก็จะคลี่คลายมาตรการต่างๆ ให้มากที่สุด
"ปลัด สธ.ไม่ได้บอกว่าให้เปิดหน้ากาก ไม่ใช่เลย แต่บอกว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งระดับหนึ่ง สถานการณ์ดีขึ้น อาจพิจารณาผ่อนปรนได้บางพื้นที่ เช่น สวนสาธารณะที่เป็นข่าว และคนที่เข้าสวนสาธารณะหากตรวจว่ารับวัคซีนแล้ว ไม่ติดเชื้อมีความปลอดภัย การจะไปออกกำลังกายในนั้นก็สามารถใช้วิธีการปกติได้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น" นายอนุทินกล่าวและว่า ส่วนกรณีเชื้อสายพันธุ์เดลตาครอนในต่างประเทศนั้น ยืนยันว่า ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค ใส่หน้ากาก ฉีดวัคซีน เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงไปสถานที่เสี่ยง ไม่ว่าสายพันธุ์อะไรก็รับมือได้
นายอนุทินกล่าวว่า สำหรับการเสนอ ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 18 มี.ค. มีหลายเรื่อง เช่น การนำเสนอการเข้าประเทศ ไม่ต้องทำการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศไทยใน 72 ชั่วโมง มาตรวจครั้งเดียวในประเทศไทยเมื่อมาถึง และให้ตรวจ ATK อีกครั้ง นอกจากนี้ ก็จะมีที่เกี่ยวข้องกับสงกรานต์ด้วย ซึ่งเราอยากให้ทุกคนกลับไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งข้อเสนอทางการแพทย์ไม่ต้องผ่าน ศบค.แต่ไปรายงาน เช่น แนวทางที่ให้ผู้จะเดินทางกลับภูมิลำเนาทำร่างกายตนเองให้ปราศจากเชื้อ (Clean Up) เหมือนกับการกินเจที่ต้องมีการล้างท้อง ก่อนกลับบ้าน 7 วันก็ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ให้ครบ 7 วันก้จะมีความปลอดภัยมั่นใจ กลับบ้านไปพบบุพการี คนในครอบครัวก้ทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีอันตราย เป็นต้น ส่วนจะเล่นน้ำได้หรือไม่อย่างไร ให้รอมาตรการทาง ศบค.วันพรุ่งนี้ ซึ่งก็จะพิจารณารอบด้าน
สำหรับการดำเนินการ UCEP Plus ที่เริ่มเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่ปัญหาใด ซึ่งจริงๆ ไม่จำเป็นต้องไปเน้นว่าเป็นหรือไม่เป็น UCEP Plus แต่ใครที่ป่วยไม่ว่าจะโรคใดก็ตามในประเทศนี้ ไม่เฉพาะโควิด หากมีอาการฉุกเฉินก็รักษาดูแลหมดทุกคน ผู้ที่ไม่มีอาการดังกล่าวที่เป็นสีเขียวก้รับการรักษาแบบ Home Isolation หรือ OPD เจอ แจก จบ เจอเชื้อ แจกยา และจบคือรักษาตัวที่บ้าน วันนี้อาจเพิ่มเติมเล็กน้อย หากไม่อยากเจอแจกจบ ขอให้ลดละเลิกดื่มสุราก่อนสงกรานต์
"การดื่มสุราก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดได้ ตามภาชนะน้ำแข็ง แก้วน้ำต่างๆ ช่วงสงกรานต์ปีนี้กลับไปเยี่ยมครอบครัว บุพการี ก็ลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะได้ไม่ต้องไปเพิ่มความสูญเสียจากสถานการณ์โรคระบาดที่มีอยู่แล้ว ช่วยกันทำแบบนี้ก็จะเป็นมาตรฐานใหม่ขึ้นมา อีกหน่อยสงกรานต์ทุกคนกลับบ้านไปมีความสุข ไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น น่าจะใช้โอกาสนี้สร้างค่านิยมใหม่ สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาของการเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน" นายอนุทินกล่าว