กรมอนามัย เตือนเลี่ยงออกกำลังกายกลางแจ้ง ช่วงหน้าร้อนเป็นเวลานาน เสี่ยงโรคลมร้อน หรือ ฮีตสโตรก โดยเฉพาะสูงอายุ มีโรคเรื้อรัง แนะเลี่ยงช่วงเวลาร้อนจัด ใส่ชุดระบายร้อนได้ดี เน้นออกกำลังกายที่ร่ม ดื่มน้ำให้เพียงพอ จิบบ่อยๆ ไม่ต้องรอกระหาย
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นเวลานาน อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เสี่ยงต่อการเป็นโรคลมร้อน หรือ ฮีตสโตรก (Heat Stroke) โดยสัญญาณของโรคนี้ คือ ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากการเพลียแดดทั่วไปที่จะมีเหงื่อออก ซึ่งแตกต่างกันโดยจะกระหายน้ำมาก อ่อนเพลีย เมื่อยล้า คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ความดันต่ำ หน้ามืด หายใจเร็ว และอาจรุนแรงถึงขั้นเพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว ตับและไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะทำให้ช็อก หมดสติ และถึงขั้นเสียชีวิตได้
ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้งควรลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 11.00-15.00 น. สวมชุดออกกำลังกายที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานานในช่วงที่อากาศร้อนจัด และหากมีอาการที่เข้าข่ายให้รีบแจ้งบุคคลใกล้ชิดทันที นอกจากนี้ ควรจิบน้ำบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ ซึ่งจะป้องกันภาวะขาดน้ำได้ และควรออกกำลังกายในที่ร่ม เช่น โรงยิม หรือเลือกออกกำลังกายในช่วงเช้าและช่วงเย็น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ควรให้ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคอ้วนออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมที่เหนื่อยจนเกินไป โดยเลือกทำกิจกรรมในอาคาร หรือที่ร่ม
“หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ทำได้ ในระยะเวลาและความหนักไม่มากเกินไป เช่น การทำความสะอาดบริเวณนอกบ้าน การเดินไปซื้อของระยะทางสั้นๆ การใช้อุปกรณ์กันแดด ร่ม หมวก เป็นต้น” นพ.มณเฑียร กล่าวและว่า กรณีที่พบเห็นผู้ที่เป็นโรคลมร้อน ควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการนำตัวเข้ามาในที่ร่ม จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง คลายเสื้อผ้าให้หลวม แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวและศีรษะ เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด หากมีสติให้จิบน้ำ หากหมดสติให้ประเมินตามกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) แจ้ง 1669 และนำส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยทันที