กรมควบคุมโรค เผยเด็กเกิดภาวะเมทฮีโมโกลบิน หลังกินไส้กรอกไร้ยี่ห้อ ไม่มี อย. เกิดจากสารไนไตรท์วัตถุกันเสียที่มากเกินกำหนด ย้ำต้องไม่เกิน 80 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมอาหาร ชี้ไนไตรท์มากเกินไปจะไปจับกับเลือด ทำให้ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายน้อยลง จนเกิดอาการอาเจียน หมดสติ ถึงขั้นเสียชีวิตได้
เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีเด็กกินไส้กรอกไม่มี อย. แล้วพบอาการป่วยภาวะเมทฮีโมโกลบิน (Methemoglobin) จำนวน 10 ราย ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุระหว่าง 1 - 12 ปี ในจังหวัดเพชรบุรี 3 ราย ตรัง 3 ราย เชียงใหม่ 2 ราย กาญจนบุรี 1 ราย และสระบุรี 1 ราย ทุกรายมีประวัติรับประทานไส้กรอกที่ไม่มียี่ห้อก่อนมีอาการประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง 30 นาที อาการที่พบ ได้แก่ อาเจียน ซึม สับสน หมดสติ ผิวหนัง/ปากเขียวคล้ำ ซีด เวียนศีรษะ ปลายมือเขียวคล้ำ และตรวจพบออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ
ทั้งนี้ ไส้กรอกที่ไม่มียี่ห้อหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจมีการใช้สารไนเตรทและไนไตรท์ เพื่อเป็นวัตถุกันเสียมากเกินกำหนด โดยทั่วไปในไส้กรอกจะมีสารประเภทไนไตรท์ในปริมาณที่กำหนด เพื่อใช้ในการคงสภาพสีแดงอมชมพูและถนอมอาหาร ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนดให้ใส่ไม่เกิน 80 มิลลิกรัม/กิโลกรัมอาหาร หากมีปริมาณเกินที่กำหนดจะทำให้ได้รับไนไตรท์มากเกินไป ซึ่งไนไตรท์จะไปจับกับเลือดทำให้ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง เกิดอาการอาเจียน ซึม สับสน หมดสติ ผิวหนัง/ปากเขียวคล้ำ ซีด เวียนศีรษะ ปลายมือเขียวคล้ำ ภายหลังรับประทาน 2 ชั่วโมง และอาจเสียชีวิตได้ ซึ่งถ้าหากมีอาการดังกล่าวร่วมกับมีประวัติรับประทานไส้กรอก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยง
"การเลือกซื้อไส้กรอกต้องเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ สะอาด ปลอดภัย เก็บรักษาในอุณหภูมิเย็นตลอดการจำหน่าย สุขลักษณะของสถานที่ผลิตต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) ให้มีรายละเอียดอย่างครบถ้วน ทั้งชื่อผลิตภัณฑ์ ที่ตั้งของผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันหมดอายุ และมีเครื่องหมาย อย. กำกับบนฉลากอาหาร นอกจากนี้ ควรยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด" อาหารต้องสดใหม่ สะอาด นำมาผ่านความร้อนจนสุกทั่วถึง ก่อนปรุงอาหารควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด เพราะในอาหารอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ เสี่ยงต่อโรคอุจจาระร่วง และโรคอาหารเป็นพิษได้" นพ.โอภาสกล่าว