บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เคียงข้างเยาวชนไทย พร้อมผนึกกำลัง นักกีฬามืออาชีพ จิตแพทย์ และนักโภชนาการ ร่วมดูแลสุภาพกาย สุขภาพใจ ให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 อย่างมีคุณภาพ ผ่านแสนสิริ อะคาเดมี่ ที่มุ่งฝึกเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางด้านฟุตบอลอย่างถูกต้อง เท่าเทียม โดยไม่เสียค่าใช้ บ่มเพาะเยาวชนถึง 8,000 คน พร้อมเสริมทัพด้วยการให้ความรู้ด้านสุขภาวะทางจิต (Mental Wellbeing) ในการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจ อย่างถูกต้อง
โฆษกกรมสุขภาพจิตเผยปัญหาโควิด-19 กระทบเด็กและเยาวชนมากกว่าที่คาด เพราะส่งผลต่อพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา การเข้าสังคม และการควบคุมอารมณ์ รวมถึงการทำงานในอนาคต แนะผู้ปกครองทำความรู้ความเข้าใจในการฟื้นฟูสุขภาพกาย-ใจ เยาวชนอย่างถูกต้อง
ด้านรายงานจากยูนิเซฟระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างรุนแรงและกลายเป็นวิกฤตที่หนักหนาสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปี
ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นกรมสุขภาพจิตและโฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเด็กและเยาวชนนั้น มีมากกว่าที่คาดถึง เพราะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งร่างาย จิตใจ สติปัญญา การเข้าสังคม และการควบคุมอารมณ์ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เช่นหากเด็กและเยาวชนมีร่างกายและจิตใจที่ไม่แข็งแรง ก็จะทำให้มีผลกระทบต่อผลการเรียน และส่งผลต่อสภาพจิตใจ รวมถึงการทำงานในอนาคต โดยงานวิจัยจากประเทศสิงคโปร์ ระบุว่า หากเยาวชนหลุดจากระบบการเรียน หรือเรียนล่าช้าไป 1 ปี จะส่งผลเสียต่ออนาคตในช่วงวัยทำงาน คือทำให้รายได้ขาดหายไปถึง 15% ซึ่งปัญหารายได้น้อยย่อมนำไปสู่ปัญหาคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ ดังนั้นการให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพกายและสุขใจของเด็กและเยาวชนในช่วงนี้จึงมีความสำคัญมากเพราะจะส่งผลต่ออนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ในส่วนของผู้ปกครองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เนื่องจากช่วงนี้เด็กและเยาวชนใช้เวลาที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้เกิดความเครียดและความเบื่อหน่าย ผู้ปกครองจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการใช้คำพูดที่เหมาะสม ส่งเสริมพลังบวก เพื่อกระตุ้นให้เด็กเติบโตไปในทางที่ถูกต้อง เช่น การให้กำลังใจเด็กๆ ในการฝึกกีฬาอยู่ที่บ้านนั้นอาจสร้างความเบื่อหน่ายให้กับเด็กๆ ผู้ปกครองอาจจะต้องสื่อสารให้เด็กเข้าใจถึงเป้าหมายของการฝึก และการปรับตัวโดยการเอาพลังที่มีอยู่มาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่เพื่อพัฒนาศักภาพของตนเอง อีกทั้งให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าการฝึกแบบเดิมๆ นั้นมีคุณค่ามากกว่าที่คิด เพราะเราไม่รู้ว่าวันหนึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถฝึกได้เช่นเดิม ซึ่งเหตุการณ์นี้จะทำให้เด็กตั้งใจฝึกมากยิ่งขึ้น หากเราสามารถเข้าใจและสื่อสารได้ถูกวิธี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคาดว่าสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการระบาดของเชื้อโอมิครอน (Omicron) ที่พบว่ามีความรุนแรงน้อยลง จึงมีโอกาสที่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ทุกคนก็ยังต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และดูแลเด็กและเยาวชนให้ผ่านช่วงวิกฤตไปได้อย่างดี โดยเฉพาะเด็กอายุ 6-14 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ทำให้มีโอกาสในการออกไปพบปะผู้คนน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ทราบว่าล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ การนำกีฬาเข้ามาช่วยด้านการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจจึงเป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ซึ่งการที่ภาคเอกชนอย่างเช่นแสนสิริ ที่หันมาให้ความสำคัญในด้านนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
นายสมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff ฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงด้านสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาวะทางจิต (Mental Wellbeing) ตลอดจนพัฒนาการของเด็กและเยาวชนในทุกด้าน และเป็นเรื่องที่สังคมต้องร่วมกันตระหนักรู้ เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านี้จะเติบโตและกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกของเราในอนาคต ทั้งนี้จากรายงานล่าสุดขององค์การยูนิเซฟระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างรุนแรงและกลายเป็นวิกฤตที่หนักหนาสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปี และกลายเป็นอุปสรรคฉุดรั้งความก้าวหน้าในหลายด้านที่สะสมมาหลายศตวรรษ ทั้งด้านความยากจน สุขภาพ การเข้าถึงการศึกษา โภชนาการ การคุ้มครองเด็ก และสุขภาพจิตของเด็ก ดังนั้นตลอดช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา แสนสิริจึงได้ให้ความสำคัญกับการดูและเยาวชนมากเป็นพิเศษผ่านโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ ที่แสนสิริก่อตั้งขึ้นมาในปี 2549 ด้วยวัตถุประสงค์ในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม มุ่งเน้นการสร้างคน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน และเท่าเทียมกัน ในด้านกีฬาและสุขภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมการเรียนรู้พื้นฐานด้านกีฬาฟุตบอลอย่างถูกต้องโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันมีเยาวชนผ่านการบ่มเพาะถึง 8,000 คน มีสนามฝึกซ้อมทั้งสิ้น 5 สนาม ได้แก่ สนามฟุตบอลปัญญาซอคเกอร์ปาร์ค สนามฟุตบอลอาม่าซ็อคเกอร์คลับ สนามฟุตบอลศูนย์ฝึกกีฬา อ่อนนุช สนามฟุตบอล The Corner FC และสนามหน้าที่ว่าการอำเภอกระทู้ จ.ภูเก็ต
“เรามองว่าโควิดยังคงไม่จางหายไป จึงได้มองหาแนวทางในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการฝึกสอนในรูปแบบปกติที่เน้นเรื่องทักษะของฟุตบอล โดยเมื่อต้น ปี 2564 ได้มีการจัดทำโครงการเพื่อดูแลสุขภาวะทางจิต (Mental Wellbeing) อย่างเข้มข้น โดยได้เชิญนักจิตวิทยาและนักโภชนาการมาให้ความรู้และส่งเสริมพัฒนาการให้กับเยาวชน รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจของผู้ปกครองในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในปีหน้า (2565) ทางโครงการได้ขยายการให้ความรู้เหล่านี้ให้ครอบคลุมแบบ 360 องศา และคาดหวังว่าพันธมิตรในด้านต่างๆ ที่มีความสนใจในเรื่อง Well-being ของเด็กเข้ามาร่วมผลักดันโครงการให้ประสบความสำเร็จ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยอย่างจริงจัง” นายสมัชชา กล่าว
ด้าน โค้ชรุ่ง - ใกล้รุ่ง ตรีจักรสังข์ ผู้ฝึกสอนจาก แสนสิริ อะคาเดมี่ อดีตนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยและอดีตผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับการฝึกซ้อมเด็กๆ และเยาวชนของแสนสิริ อะคาเดมี่ ได้มีการพัฒนาและเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เราพบว่าเยาวชนไทยมีศักยภาพในการเล่นกีฬาฟุตบอลทัดเทียมกับชาติอื่น จึงจำเป็นจะต้องปูทักษะพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น ฉะนั้นการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างไรก็ตามจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเดือนมษายน 2564 เริ่มรุนแรงขึ้น แสนสิริ อะคาเดมี่ จึงได้ปรับรูปแบบการฝึกซ้อมเข้าสู่โหมดออนไลน์ เนื่องจากต้องเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยและเว้นระยะห่างทางสังคม โดยเน้นให้เด็กและเยาวชนได้ฝึกทักษะที่สามารถฝึกเองที่บ้านได้ ทั้งแบบเรียลไทม์ และผ่านการส่งคลิปวีดีโอจากโค้ชให้แก่เด็กๆ ใช้ในการฝึก และอัดคลิปในการฝึกส่งมายังโค้ช เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะที่ต่อเนื่อง ซึ่งทางโครงการคาดว่าภายในต้นปีหน้า จะกลับมาเปิดทำการฝึกในรูปแบบปกติได้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้กลับมาฝึกซ้อมในสนามจริงอีกครั้ง”