อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมมือกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และภาคเอกชน พัฒนายาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ สำหรับเด็กและผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตำรับแรกในประเทศไทย ซึ่งคว้ารางวัล Prime Minister Award ประเภท Innovation for Crisis ประเภทหน่วยงานภาครัฐ ในงานสตาร์ตอัปและอินโนเวชัน ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2021 (SITE 2021) จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การเข้าถึงยาที่ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อมีความจำเป็นมากขึ้น ยาฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir) เป็นหนึ่งในยาที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 ตามแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงสาธารณสุข
จุดเริ่มต้นของการพัฒนายาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็ก
จากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อจำกัดในการเข้าถึงยาของผู้ป่วย เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2564 ได้มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และเภสัชกรภาคอุตสาหกรรม นำโดย ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ และ ภญ.ศุภศิล สระเอี่ยม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับ ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และ ผศ.ภก.ดร.วรสิทธิ์ วงศ์สุทธิเลิศ ภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงความร่วมมือจากเภสัชกรภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ภญ.ดร.อริยา ขุนวิไชย ภญ.พร้อมพร จำนงธนาโชติ ภญ.ดร.วัลลภา เหมือนนุ่มและ ภก.ดร.จิรวิร์ ปวิตรปก เพื่อหาทางออกในการเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ โดยอาศัยองค์ความรู้ทางด้านเภสัชกรรมหลายศาสตร์จากเภสัชกรหลายภาคส่วน
ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และ รศ.ภก.ดร.วรสิทธิ์ วงศ์สุทธิเลิศ ภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ หนึ่งในทีมที่ร่วมพัฒนายาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็ก เปิดเผยว่า ในช่วงที่โรคโควิด-19 มีการระบาดอย่างหนัก คนไข้ผู้ใหญ่ที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ในปริมาณที่ใช้สำหรับ 5 วัน จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อคน ดังนั้น คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ จึงได้นำเสนอแนวคิดในการพัฒนาตำรับยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เพื่อให้โรงพยาบาลสามารถเตรียมยาให้ผู้ป่วย ในขณะที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีตัวยาสำคัญของฟาวิพิราเวียร์อยู่แล้ว ทำให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างรวดเร็ว
“ในช่วงเวลานั้นประมาณการว่าผู้ป่วยเด็กที่จำเป็นจะต้องใช้ยาในการรักษาอาจจะมีจำนวนมากขึ้น ยาตำรับน้ำเชื่อมจะช่วยให้ผู้ป่วยเด็กสามารถได้รับยาในขนาดที่ถูกต้อง และสะดวกต่อการรับประทาน จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นพัฒนาตำรับยาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบน้ำเชื่อมสำหรับการเตรียมยาภายในโรงพยาบาล (Hospital preparation) แม้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มเด็กจะลดลงบ้างแล้ว ก็ยังมีความจำเป็นอยู่มาก เนื่องจากยังไม่มียาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบน้ำเชื่อมออกจำหน่ายในท้องตลาด การพัฒนาสูตรตำรับในสถานการณ์ฉุกเฉินจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้ง่ายและเร็วขึ้นด้วยต้นทุนที่ไม่แพง” ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าวถึงความสำคัญของการคิดค้นและพัฒนายาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบน้ำเชื่อม
ปริมาณการใช้และการควบคุมคุณภาพการผลิต
ตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 สูตรโรงพยาบาลจุฬาภรณ์นี้ มีลักษณะเป็นยาน้ำเชื่อมสีส้มใสปราศจากน้ำตาล แต่งรสและกลิ่นราสเบอรี่ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 800 มิลลิกรัม ใน 60 มิลลิลิตร และขนาด 1,800 มิลลิกรัม ใน 135 มิลลิลิตร รูปแบบของยาน้ำเชื่อมนี้จะช่วยให้เกิดความสะดวกสำหรับการให้ยาในเด็กหรือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการกลืนยา โดยให้ผู้ป่วยรับประทานยาขณะท้องว่าง วันละ 2 ครั้ง ห่างกันทุก 12 ชั่วโมง ปัจจุบันมีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในกลุ่มเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ยาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบน้ำเชื่อมนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะในผู้ป่วยเด็กเท่านั้น ยานี้ยังสามารถให้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะใช้ยาในปริมาณที่แตกต่างกัน ระยะเวลาที่ใช้อย่างน้อย 5 วัน ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้รักษาด้วย ส่วนผลข้างเคียงของยาตำรับนี้จะเหมือนยาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบเม็ด เช่น ต้องมีการปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องในระดับปานกลางถึงรุนแรง เป็นต้น
“เรื่องการควบคุมคุณภาพเป็นสิ่งที่ทีมผู้วิจัยให้ความสำคัญอย่างมาก เรามีการกำหนดข้อกำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ยา (drug product specification) ของสูตรตำรับ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยาที่ได้มีปริมาณตัวยาสำคัญอยู่ในช่วงที่ต้องการ มีการควบคุมปริมาณสิ่งเจือปน (impurity) การควบคุมปริมาณสารกันเสีย (preservative) รวมถึงเรื่องคุณสมบัติทางกายภาพและเคมี (physical/chemical properties) นอกจากนี้ มีการศึกษาความคงตัวของผลิตภัณฑ์ยา เพื่อให้มั่นใจว่ายามีความคงตัวตลอดอายุไขของยา” ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าว
ผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ได้อย่างไร
สำหรับผู้ป่วยเด็กที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการกระจายยาตำรับนี้ไปในหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์รูปแบบน้ำเชื่อมได้ นอกจากนี้ ยังสามารถลงทะเบียนรับยาผ่านทางเว็บไซต์ https://favipiravir.cra.ac.th โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือติดต่อยังโรงพยาบาลจุฬาภรณ์โดยตรง ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากมีผลข้างเคียง