รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องในวันมหิดล คาด หากเป็นไปตามแผน สิ้นเดือน ต.ค. ฉีดได้เกิน 50 ล้านโดส สิ้นปีฉีดครอบคลุมตามเป้า 70% จะช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
วันนี้ (24 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดให้บริการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี และสถานีกลางบางซื่อ และให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องในวันนี้เป็นวันมหิดล ซึ่งเป็นวันที่มีความหมายกับวงการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน” ที่ทรงมีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีเจตนารมณ์รณรงค์ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้ารับการฉีดโควิด-19 ให้ได้ 1 ล้านโดส โดยจากการลงพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี มีการระดมทีมบุคลากรทางการแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข พื้นที่ อ.บางใหญ่ และ อ.บางบัวทอง ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ให้บริการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 11,954 คน และฉีดกระตุ้นเข็ม 3 จำนวน 500 คน รวมทั้งสิ้น 12,454 คน ซึ่งในวันนี้เริ่มการรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนชิโนแวคครบ 2 เข็มในเดือนมี.ค.- พ.ค. ซึ่งหลังฉีดวัคซีนเข็ม 2 แล้ว 6 เดือนภูมิคุ้มกันอาจลดลง กระทรวงสาธารณสุขจึงฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ส่วนศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ ในวันนี้ได้เริ่มให้บริการฉีดเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแก่ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็ม 1 และ 2 จากศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ จำนวน 15,000 คน และจะทยอยฉีดจนครบ 150,000 คน โดยใช้ฐานข้อมูลเดิมในการส่ง SMS ให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เพื่อนัดหมายวันเวลาฉีดวัคซีนล่วงหน้า
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจนถึงปัจจุบันแล้วกว่า 2 เดือน ขณะนี้ฉีดได้เกินกว่า 47 ล้านโดส หากเป็นไปตามแผนคาดว่าภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ จะฉีดได้เกิน 50 ล้านโดส คาดสิ้นปีนี้คนไทยจะได้รับวัคซีนตามเป้าหมายครอบคลุม 70% ซึ่งจะทำให้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อสามารถควบคุมสถานการณ์ได้จะมีความปลอดภัยระดับหนึ่ง จึงจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า วัคซีนที่ประชาชนทุกคนได้รับมีคุณภาพและปลอดภัย แม้วัคซีนจะไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ 100% แต่คุณสมบัติที่ดีที่สุดของวัคซีนคือสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงและลดการเสียชีวิตได้ แม้ได้รับวัคซีนแล้วยังต้องคงพฤติกรรม ล้างมือ เว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้โดยเร็ว” นายอนุทิน กล่าว