กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โรคโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการประเภทห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์
วันนี้ (15 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการประเภทห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร ว่า จากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ออกข้อกำหนดให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) สามารถเปิดให้บริการได้ แต่เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวจัดเป็นพื้นที่ที่คนรวมตัวกัน จึงขอให้สถานประกอบการศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เฝ้าระวังความเสี่ยงอย่างเข้มข้นสูงสุด โดยยึดหลักมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) และมาตรการที่จะมีการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) เพื่อให้ประกอบกิจการได้อย่างปลอดภัย โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านสิ่งแวดล้อม (COVID Free Environment) เช่น ทำความสะอาดพื้นผิวจุดสัมผัสร่วม เช่น ปุ่มกดลิฟต์ ราวจับบันไดเลื่อน ราวจับรถเข็น ที่จับประตู รวมทั้งห้องส้วม ทุก 1-2 ชั่วโมง จัดให้มีภาชนะรองรับขยะมูล มีฝาปิดมิดชิดและแยกมูลฝอยแต่ละประเภทออกจากกัน และรวบรวมไปกำจัดอย่างถูกสุขลักษณะทุกวัน มีการระบายอากาศที่ดี ทั้งในอาคารและในห้องส้วม ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 800 ppm กรณีที่มีศูนย์อาหาร (Food court) ควรจัดภาชนะ เครื่องปรุงเป็นชุดสำหรับลูกค้าแต่ละคน เป็นต้น รวมทั้งมาตรการด้านการรักษาระยะห่าง (Distancing) และจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ และจำกัดเวลาการใช้บริการในห้างฯไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง
“ข้อถัดมา คือ 2) ด้านผู้ให้บริการ (COVID Free Personnel) เช่น จัดให้พนักงานทุกคน เน้นกิจการที่มี ความเสี่ยง อาทิ ร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านนวด-สปา คลินิกเสริมความงาม ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีหลักฐานกรณีประวัติการติดเชื้อมาก่อนแล้ว อยู่ในช่วง 1 - 3 เดือน และมีการคัดกรองความเสี่ยงทุกวัน ด้วยแอปพลิเคชัน ไทยเซฟไทย มีการตรวจ ATK เป็นระยะ และ 3) ด้านผู้รับบริการ (COVID Free Customer) จัดให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและก่อนออกจากสถานที่ ด้วยแอปพลิเคชันที่ทางราชการกำหนดหรือจัดให้มี สมุดสำหรับลงทะเบียน รวมทั้งคัดกรองความเสี่ยงผู้ใช้บริการก่อนเข้าสถานที่ด้วย ไทยเซฟไทย และผู้รับบริการที่จะเข้า นั่งกินอาหารในร้านภายในห้างฯ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำสำหรับร้านอาหาร โดยให้แสดงผลการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์หรือมีหลักฐานกรณีประวัติการติดเชื้อมาก่อนแล้ว อยู่ในช่วง 1-3 เดือน หรือมีผล ATK เป็นลบ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน” รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การยกระดับมาตรการ ความปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ในสถานประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดนั้น ขอให้ร้านอาหารเข้าประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus และประเมินมาตรฐาน COVID Free Setting Thai Stop COVID 2 Plus รวมทั้งให้พนักงานต้องประเมินผ่านระบบไทยเซฟไทย ก่อนปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจากผลการประเมินร้านอาหารที่เข้าร่วมลงทะเบียน COVID Free Setting ตั้งแต่วันที่ 1-13 กันยายน 2564 จำนวน 2,607 แห่ง พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน Thai Stop COVID 2 Plus จำนวน 1,169 แห่ง หรือ ร้อยละ 90.69 ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมมาตรการที่จะบังคับใช้ในอนาคต จึงจำเป็นต้องมีการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการในการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ แบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการดำเนินการตามมาตรการควบคุม และป้องกันโรคโควิด-19 แนวใหม่ (Smart Control and Living with COVID-19) ที่นำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และการมีวิถีชีวิตของประชาชนที่ปลอดภัยต่อไป
ทางด้าน นางสาวนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม ได้เปิดให้บริการด้วยมาตรการความปลอดภัยอย่างสูงสุด สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของมาตรการองค์กรของ ศบค. เพื่อลดความเสี่ยง ในการแพร่ระบาดโรค สำหรับการเปิดกิจการ หรือการจัดกิจกรรมได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืนด้วย COVID Free Setting เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน ร้านค้า และผู้ใช้บริการ ด้วยมาตรการที่เข้มข้น โดยมีการคัดกรองพนักงาน ก่อนเข้าปฏิบัติงาน ได้แก่ กำหนดให้พนักงานทุกคนจะต้องได้รับวัคซีน, การตรวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit, มีการประเมินผ่านไทยเซฟไทย, พนักงานต้องใส่หน้ากากและปฏิบัติตาม D-M-H-T-A อย่างเคร่งครัด, ร้านค้าประเมินมาตรฐาน Thai Stop COVID Plus และยกระดับสู่การทำแบบประเมิน Thai Stop COVID Double Plus จากกรมอนามัย
“นอกจากนี้ ได้มีการทำความสะอาดระบบปรับอากาศ การหมุนเวียนอากาศภายในศูนย์ และระบบคุณภาพน้ำ รวมถึงมาตรการเชิงรุกในการทำความสะอาดแบบ Big Cleaning โดยฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในพื้นที่ส่วนกลางและร้านค้า การทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ ในศูนย์การค้าทุก 30 นาที, การทำความสะอาดฆ่าเชื้อบัตรจอดรถ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงานและผู้มาใช้บริการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยินดีที่จะปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการ และขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือภาครัฐในการส่งเสริมให้คนไทยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ก้าวผ่านวิกฤตินี้ ไปด้วยกัน” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าว