อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำว่า ผู้ที่เข้าข่ายติดเชื้อ COVID-19 จากการตรวจด้วย Antigen test kit สามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันทีเช่นเดียวกับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยสามารถรับยา รับการรักษาแบบ Home isolation ได้ทันที ส่วนในรายที่ต้องรับการรักษาแบบ Community isolation หรือรักษาในสถานพยาบาล สามารถดำเนินการรับเข้าได้ทันทีพร้อมกับดำเนินการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR ควบคู่พร้อมกัน โดยผู้ป่วยจะต้องรับทราบและเซ็นใบยินยอมเข้ารับการรักษาและจะต้องดำเนินการแยกผู้ที่ตรวจด้วย Antigen test kit ออกจากผู้ป่วย COVID-19 รายอื่นก่อนระหว่างรอผลตรวจด้วย RT-PCR
วันนี้ (26 ก.ค.) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ผู้ที่มีผลการตรวจด้วย Antigen test kit จัดเป็น “ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (probable case)” ตามนิยามของกรมควบคุมโรค ซึ่งอาจจะพบผลบวกปลอมได้ประมาณร้อยละ 3-5 โดยแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย การดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมการแพทย์ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ให้แนวทางไว้ว่า “ในสถานการณ์ที่มีการระบาดอาจมีความจําเป็นต้องใช้ Antigen test kit เพื่อการวินิจฉัย ถ้าผู้ป่วยตรวจด้วยตนเองแล้วได้ผลบวกให้ดำเนินการดูแลรักษาเสมือนเป็นผู้ป่วย COVID-19 สามารถดำเนินการ Home isolation รับยาได้ทันที หากจะรับไว้ในโรงพยาบาลควรตรวจยืนยันด้วย RT-PCR ตามแนวทางของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และต้องแยกกับผู้ปวยCOVID-19 รายอื่นก่อนจนกว่าจะได้ผล RT-PCR ยืนยัน”
นอกจากนี้ ได้มีการหารือในที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ประชุมมีมติให้ เมื่อผู้ที่มีผลการตรวจ Antigen test kit ให้ผลบวกสามารถรับยา รับบริการแบบ Home isolationได้ทันที หรือหากมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแบบ Community isolation หรือในสถานพยาบาล หรือในสถานที่อื่นใดที่จัดไว้เพื่อดูแลผู้ป่วย COVID-19 จะต้องได้รับการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR แต่จะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ารับการรักษาใดๆ โดยให้ดำเนินการรับผู้ป่วยเข้ารักษา ชี้แจงให้ผู้ป่วยรับทราบถึงความเสี่ยงจากผลบวกปลอม เซ็นใบยินยอมเข้ารับการรักษา พร้อมกับตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR เร่งรัดการรายงานผล ดำเนินการแยกผู้ที่ตรวจด้วย Antigen test kit ออกจากผู้ป่วย COVID-19 รายอื่นระหว่างรอผลตรวจยืนยันด้วย RT-PCR การดำเนินการดังกล่าวเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อให้ผู้ป่วย COVID-19 ได้เข้าถึงการบริการได้เร็วขึ้นลดการเจ็บป่วยที่รุนแรงและลดการเสียชีวิต รวมถึงการแยกผู้ป่วยจากครอบครัวและชุมชนเป็นการป้องกันการแพร่กระจายโรคได้อีกทาง
วันนี้ (26 ก.ค.) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ผู้ที่มีผลการตรวจด้วย Antigen test kit จัดเป็น “ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (probable case)” ตามนิยามของกรมควบคุมโรค ซึ่งอาจจะพบผลบวกปลอมได้ประมาณร้อยละ 3-5 โดยแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย การดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมการแพทย์ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ให้แนวทางไว้ว่า “ในสถานการณ์ที่มีการระบาดอาจมีความจําเป็นต้องใช้ Antigen test kit เพื่อการวินิจฉัย ถ้าผู้ป่วยตรวจด้วยตนเองแล้วได้ผลบวกให้ดำเนินการดูแลรักษาเสมือนเป็นผู้ป่วย COVID-19 สามารถดำเนินการ Home isolation รับยาได้ทันที หากจะรับไว้ในโรงพยาบาลควรตรวจยืนยันด้วย RT-PCR ตามแนวทางของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และต้องแยกกับผู้ปวยCOVID-19 รายอื่นก่อนจนกว่าจะได้ผล RT-PCR ยืนยัน”
นอกจากนี้ ได้มีการหารือในที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ประชุมมีมติให้ เมื่อผู้ที่มีผลการตรวจ Antigen test kit ให้ผลบวกสามารถรับยา รับบริการแบบ Home isolationได้ทันที หรือหากมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแบบ Community isolation หรือในสถานพยาบาล หรือในสถานที่อื่นใดที่จัดไว้เพื่อดูแลผู้ป่วย COVID-19 จะต้องได้รับการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR แต่จะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ารับการรักษาใดๆ โดยให้ดำเนินการรับผู้ป่วยเข้ารักษา ชี้แจงให้ผู้ป่วยรับทราบถึงความเสี่ยงจากผลบวกปลอม เซ็นใบยินยอมเข้ารับการรักษา พร้อมกับตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR เร่งรัดการรายงานผล ดำเนินการแยกผู้ที่ตรวจด้วย Antigen test kit ออกจากผู้ป่วย COVID-19 รายอื่นระหว่างรอผลตรวจยืนยันด้วย RT-PCR การดำเนินการดังกล่าวเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อให้ผู้ป่วย COVID-19 ได้เข้าถึงการบริการได้เร็วขึ้นลดการเจ็บป่วยที่รุนแรงและลดการเสียชีวิต รวมถึงการแยกผู้ป่วยจากครอบครัวและชุมชนเป็นการป้องกันการแพร่กระจายโรคได้อีกทาง