กระทรวงสาธารณสุข ใช้แนวทาง 4D (Diet, Development & play, Dental และ Diseases) ยกระดับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ส่งเสริมพัฒนาการด้านอาหาร การเล่น สุขภาพฟัน และการป้องกันโรค พร้อมย้ำให้ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเข้มงวดมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ป้องกันโควิด-19
วันนี้ (2 ก.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดอาคารสถานส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย และพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านสุขภาพ (4D) เขตสุขภาพที่ 7 ณ สถานส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ว่า การยกระดับคุณภาพการดำเนินงานของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะด้านสุขภาพร่างกายของเด็กกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกมาตรการหลักที่สำคัญเพื่อมุ่งเน้นในการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพเด็กในสถานพัฒนาเด็ปฐมวัย 4 ด้าน “4D” ได้แก่ D ที่ 1 คือ Diet หรือ ด้านโภชนาการและการเจริญเติบโต มุ่งเน้นการจัดทำเมนูอาหารที่มีความปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม D ที่ 2 คือ Development & play หรือด้านพัฒนาการและการเล่น มุ่งเน้นให้ครูผู้ดูแลเด็กสามารถเฝ้าระวังและติดตามพัฒนาการเด็กด้วยเครื่องมือ DSPM ได้ พร้อมทั้งส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการเป็น อิสระ (3F : Family free Fun) D ที่ 3 คือ Dental หรือด้านสุขภาพฟัน มุ่งเน้นให้เด็กปฐมวัยทุกคนต้องแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกวันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และมีกิจกรรมตรวจฟัน และที่สำคัญที่สุดในยุคโควิด-19 คือ D ที่ 4 คือ Diseases หรือด้านการป้องกันโรค มุ่งเน้นให้ครูผู้ดูแลเด็กดูแลสามารถจัดสภาพแวดล้อมที่สะอาดเหมาะสม เพื่อการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยเฉพาะการสอนให้เด็กรู้จักล้างมือ สวมหน้ากาก และจัดกิจกรรมแบบ small group เพื่อลดการสัมผัสโรค ซึ่งจากข้อมูลรายงานเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย จังหวัดขอนแก่น เบื้องต้นพบกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 42 คน แบ่งเป็นเด็กเล็ก 34 คน ครู 8 คน และจากข้อมูลกรมควบคุมโรคเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 พบว่า เด็กเล็ก 0-5 ปี ติดเชื้อสะสมรวม 4,960 คน ซึ่งอาจจะเป็น การแพร่หรือติดเชื้อไปสู่ครอบครัวได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงเน้นย้ำให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและครอบครัว เฝ้าระวังป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยขอให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกแห่งทั่วประเทศ ประเมินตนเองผ่าน Thai stop COVID Plus เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยประเมินรับรองก่อนเปิดและสนับสนุนการฉีดวัคซีนแก่ครูพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่ทุกคนในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมถึงคนในครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโควิด-19 นอกจากนี้ ในช่วงที่เปิดทำการควรกำหนดจุดรับ-ส่งเข้าออกเฉพาะจุดเท่านั้น และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามายังบริเวณพื้นที่ภายในของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีจุดคัดกรองวัดไข้ จุดล้างมือ ล้างเท้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเด็ก รวมทั้งเตรียมการทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ ยานพาหนะรับส่งเด็ก และควรกำหนดพื้นที่เว้นระยะห่าง เช่น การทำกิจกรรม การจัดพื้นที่นอน และการกินอาหารด้วย โดยในส่วนของครูและ ผู้ดูแลเด็กนั้น ขอให้ประเมินตนเองผ่าน “ไทยเซฟไทย” มีการทำความสะอาดร่างกายก่อนปฏิบัติงาน และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่กับเด็ก ส่วนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรดูแลเด็กเป็นพิเศษ หากไม่มีความจำเป็นไม่ควรพาเด็กออกจากบ้าน แต่ทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากให้กับเด็กให้เหมาะสมตามช่วงวัยหากพบว่าตนเองมีอาการเจ็บป่วยให้หยุดงานและพบแพทย์ทันที