xs
xsm
sm
md
lg

ภาวะแท้งคุกคาม (Threatened abortion)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผศ.พญ.ธัชจารีย์ พันธ์ชาลี
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ภาวะแท้งคุกคาม หรือ Threatened abortion คือ ภาวะผิดปกติของการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยหญิงตั้งครรภ์จะมีอาการเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งอาจเป็นเลือดสดหรือมูกเลือด ในขณะที่ปากมดลูกยังไม่เปิด และมักไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย

สาเหตุของภาวะแท้งคุกคาม

ภาวะแท้งคุกคามนั้นมักจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง หรือสัมพันธ์กับภาวะแท้งคุกคาม และทำให้เกิดการแท้งขึ้นจริง ๆ ได้ คือ ความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น โครโมโซมผิดปกติ ความพิการแต่กำเนิด หรืออาจได้รับยาหรือสารเคมีที่ทำให้ทารกเกิดความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เป็นต้น หญิงตั้งครรภ์มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น หญิงตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี มีโอกาสเกิดภาวะแท้งได้ร้อยละ 15 แต่หญิงตั้งครรภ์ที่อายุ 15-34 ปี มีโอกาสแท้งได้ร้อยละ 4 ความผิดปกติของมดลูกและโพรงมดลูก เช่น พังผืดในโพรงมดลูก มดลูกมีรูปร่างผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เป็นต้น การขาดฮอร์โมนเพศที่ช่วยประคับประคองการตั้งครรภ์ ทำให้การฝังตัวของตัวอ่อนหรือ ถุงตั้งครรภ์ทำได้ไม่สมบูรณ์ มีประวัติเคยเกิดการแท้งมาก่อน และปัจจัยอื่น ๆ เช่น อุบัติเหตุที่กระทบต่อมดลูกหรือบริเวณท้องน้อย มีการติดเชื้อที่ช่องคลอด น้ำหนักตัวมากหรือโรคอ้วน ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือการใช้สารเสพติด เป็นต้น

ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ทุกรายที่พบว่าตนเองมีเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัย ตรวจหาสาเหตุ และเพื่อจะได้รับคำแนะนำหรือการรักษาที่ถูกต้องต่อไป รวมทั้งทำการวินิจฉัยแยกโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของหญิงตั้งครรภ์ได้ คือ การตั้งครรภ์นอกมดลูก

ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะแท้งคุกคามจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจ อัลตร้าซาวนด์ผ่านทางช่องคลอดแล้วพบว่ามีการตั้งครรภ์ในมดลูก และพบว่าทารกยังมีชีวิตอยู่ โดยเห็นหัวใจทารกเต้นชัดเจน และเลือดออกเล็กน้อยเท่านั้น ผลการตรวจพบเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าการตั้งครรภ์ที่มีภาวะแท้งคุกคามครั้งนี้มีโอกาสสูงที่จะตั้งครรภ์ต่อไปได้อย่างปกติ
การรักษาและการป้องกัน

ภาวะแท้งคุกคามมักจะรักษาด้วยการประคับประคอง หรือการรักษาตามอาการเป็นหลัก โดยไม่จำเป็นต้องให้ยาหรือรักษาด้วยการผ่าตัด โดยแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ดูแลตนเอง สังเกตลักษณะและปริมาณเลือดที่ออก ร่วมกับอาการอื่น ๆ ถ้าเป็นมากขึ้นควรรีบมาโรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจรักษาเพิ่มเติม อีกทั้งแนะนำการปฏิบัติตัว เช่น พักผ่อนมาก ๆ (bed rest) หรืองดกิจกรรมที่เพิ่มความดันหรือแรงกระแทกที่บริเวณท้องน้อย (activity restrictions) ถึงแม้ว่าการศึกษาต่าง ๆ จะพบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดอัตราการแท้งก็ตาม แต่หากหญิงตั้งครรภ์ได้พักผ่อนก็จะสามารถลดความเครียดหรือความกังวลลงไปได้ อีกทั้งในช่วงที่ยังมีเลือดออกควร งด การออกกำลังกายและการมีเพศสัมพันธ์ รับประทานยาบำรุงต่าง ๆ ตามที่แพทย์สั่ง ได้แก่ folic acid และวิตามินสำหรับหญิงตั้งครรภ์

สำหรับการให้ฮอร์โมน Progestin ในหญิงตั้งครรภ์ ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาหรือคำแนะนำการให้ฮอร์โมน เพื่อรักษาหรือป้องกันภาวะแท้งคุกคาม โดยเฉพาะในรายที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน เนื่องจากสาเหตุของการแท้งมักเกิดจากความผิดปกติของทารกเอง แต่ในรายที่มีการแท้งซ้ำ หรือได้รับการวินิจฉัยว่าขาดฮอร์โมน Progestin การให้ฮอร์โมนตั้งแต่ภายใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ก็สามารถป้องกันการเกิดภาวะแท้งได้

ภาวะแท้งคุกคามนั้นสามารถพบได้ถึงร้อยละ 20-25 ของหญิงตั้งครรภ์ โดยจะมีอาการเลือดออก ในขณะที่ปากมดลูกยังไม่เปิด หากหญิงตั้งครรภ์รายใดพบว่าตนเองมีเลือดออกจากช่องคลอดควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง หญิงตั้งครรภ์ควรสังเกตลักษณะของเลือด ปริมาณเลือดที่ออก และอาการอื่น ๆ ที่เกิดร่วมด้วยเพื่อประกอบการวินิจฉัย อีกทั้งควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ตั้งสติตนเองเพื่อลดความวิตกกังวล โดยภาวะแท้งคุกคามที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดการแท้งขึ้นจริงในทุกราย แต่ยังมีโอกาสที่การตั้งครรภ์ครั้งนั้นจะดำเนินต่อไปได้อย่างปกติสมบูรณ์ และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ แก่ทารกและตัวของหญิงตั้งครรภ์เอง


กำลังโหลดความคิดเห็น