ศ.นพ.ยง เผยแนวโน้มสายพันธุ์อินเดีย มีโอกาสที่จะกระจายได้มากขึ้นมาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษในอนาคต สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้น จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนเริ่มลดลง ย้ำการให้วัคซีนในคนหมู่มาก และรวดเร็ว เป็น วิธีหนึ่งที่จะสกัดสายพันธุ์กลายพันธุ์ ไม่ให้มีการแพร่ระบาด
วันนี้ (15 มิ.ย.) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หัวข้อ โควิด 19 การกลายพันธุ์ โดยระบุว่า..
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม กลายพันธุ์ไปอยู่ตลอด
สายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่าย จะกระจายเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม
สายพันธุ์ G แพร่ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่น ก็มาแทนที่สายพันธุ์ อู่ฮั่น
สายพันธุ์ อังกฤษ ( อัลฟา)แพร่กระจายได้ง่าย ก็กระจายไปทั่วโลกครอบคลุมทั้งหมด
ขณะนี้สายพันธุ์อินเดีย (เดลต้า) แพร่กระจายง่ายกว่าสายพันธุ์อังกฤษ ก็กำลังจะมีแนวโน้มที่จะระบาดไปทั่วโลก
ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ในการระบาดรอบแรกเป็นสายพันธุ์อู่ฮั่น ระบาดระลอก 2 เป็นสายพันธุ์ G และรอบ 3 เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ขณะนี้มีแนวโน้มพบสายพันธุ์อินเดีย เพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสที่จะกระจายได้มากขึ้นมาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษในอนาคต เพราะการติดต่อสายพันธ์เดลต้า (อินเดีย) ติดต่อได้ง่ายและจะระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะเป็นคลัสเตอร์ และพร้อมที่จะกระจายออก
สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ( เบต้า) ถึงแม้จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่อํานาจการกระจายน้อย ต่อไปจะถูกกลบ ด้วยสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้มากกว่าเช่นสายพันธุ์อินเดีย เป็นหลักตามวิวัฒนาการตามธรรมชาติ
สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้น จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนเริ่มลดลง การติดตามสายพันธุ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงมีการถอดรหัสพันธุกรรมกันอย่างมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
การให้วัคซีนในคนหมู่มาก และรวดเร็ว เป็น วิธีหนึ่งที่จะสกัดสายพันธุ์กลายพันธุ์ ไม่ให้มีการแพร่ระบาด
ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะลดลงบ้างก็ยังช่วยสกัดได้ไม่ให้สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาด