ศบค.กทม. สั่งให้ทุกเขตสำรวจพื้นที่เสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะที่พักคนงานก่อสร้างที่มีแรงงานต่างด้าว ประชาชนในชุมชนต่างๆ เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุกต่อเนื่อง
วันนี้ (14 พ.ค.) นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เป็นประธานการประชุมประชุม ศบค.กทม. ครั้งที่ 32/2564 โดย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
สืบเนื่องจากสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นที่ฐาน (สพฐ) ได้แจ้งไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เกี่ยวกับปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ซึ่งกำหนดสอบคัดเลือก การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัวนักเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2564 ภายในเดือน พ.ค. 64 นี้ โดย ศบค. ได้อนุญาตให้โรงเรียนในสังกัด สพฐ. ดำเนินการได้ ที่ประชุมจึงขอให้ทุกสำนักงานเขตประสานและให้คำแนะนำโรงเรียนในพื้นที่ที่จะมีการสอบคัดเลือก การจับฉลาก การรายงานตัว และการมอบตัวนักเรียนใหม่ ดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ครบถ้วน เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดให้มากที่สุด
นอกจากนี้ ให้ทุกเขตสำรวจที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่โดยเฉพาะที่พักที่มีแรงงานต่างด้าว เพื่อประสานสำนักอนามัยตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ตลอดจนสำรวจบริษัทผู้ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call center) หรือบริษัทที่มีแผนก Call center ของตัวเองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แต่ละสำนักงานเขต เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อาทิ การปรับปรุงระบบระบายอากาศ ระยะห่างระว่างผู้ปฏิบัติงาน การสวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติงาน เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากทั้งพักคนงานก่อสร้าง และผู้ปฏิบัติงานในคอลเซ็นเตอร์ เป็นกลุ่มก้อน (Cluster) สำคัญที่พบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เป็นจำนวนมาก
สำหรับปัญหาขยะติดเชื้อโดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่ปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ที่จะต้องกักกันตัวเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือน เม.ย. 64 มีขยะติดเชื้อรวมจำนวน 15.41 ตัน พ.ค. 64 ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ค. มีปริมาณขยะติดเชื้อมากถึง 21.85 ตัน จึงขอให้สำนักงานเขตประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ต้องกักตัวเองที่บ้าน ทิ้งขยะติดเชื้อ หน้ากากอนามัย อย่างถูกวิธี โดยแยกทิ้งจากขยะทั่วไป และขอให้สำนักงานเขตจัดเก็บและรวบรวมไว้ในจุดที่นัดหมายกับสำนักสิ่งแวดล้อม เพื่อสำนักสิ่งแวดล้อมจะแจ้งให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จัดเก็บและนำไปทำลายตามขั้นตอนกระบวนการกำจัดขยะติดเชื้อเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19
กำชับเขตอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ประสงค์รับวัคซีน
สำหรับแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน มี 2 กรณี ได้แก่ 1. การให้บริการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสถานที่หรือชุมชนต่างๆ ที่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือ Cluster ใหญ่ เช่น ตลาดบางแคซึ่งได้ยุติแล้ว และชุมชนในพื้นที่เขตคลองเตย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินงาน และ 2. การให้บริการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงการติดเชื้อ เช่น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้าที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เป็นต้น สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้รับฟังแนวทางจากกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ที่ประสงค์รับการฉีดวัคซีนจะต้องลงทะเบียนในไลน์ Official Account “หมอพร้อม” หรือแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ซึ่งเขตอาจจะให้คำแนะนำ หรืออำนวยความสะดวกประชาชนในการลงทะเบียน
วันนี้ (14 พ.ค.) นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เป็นประธานการประชุมประชุม ศบค.กทม. ครั้งที่ 32/2564 โดย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
สืบเนื่องจากสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นที่ฐาน (สพฐ) ได้แจ้งไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เกี่ยวกับปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ซึ่งกำหนดสอบคัดเลือก การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัวนักเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2564 ภายในเดือน พ.ค. 64 นี้ โดย ศบค. ได้อนุญาตให้โรงเรียนในสังกัด สพฐ. ดำเนินการได้ ที่ประชุมจึงขอให้ทุกสำนักงานเขตประสานและให้คำแนะนำโรงเรียนในพื้นที่ที่จะมีการสอบคัดเลือก การจับฉลาก การรายงานตัว และการมอบตัวนักเรียนใหม่ ดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ครบถ้วน เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดให้มากที่สุด
นอกจากนี้ ให้ทุกเขตสำรวจที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่โดยเฉพาะที่พักที่มีแรงงานต่างด้าว เพื่อประสานสำนักอนามัยตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ตลอดจนสำรวจบริษัทผู้ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call center) หรือบริษัทที่มีแผนก Call center ของตัวเองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แต่ละสำนักงานเขต เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อาทิ การปรับปรุงระบบระบายอากาศ ระยะห่างระว่างผู้ปฏิบัติงาน การสวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติงาน เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากทั้งพักคนงานก่อสร้าง และผู้ปฏิบัติงานในคอลเซ็นเตอร์ เป็นกลุ่มก้อน (Cluster) สำคัญที่พบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เป็นจำนวนมาก
สำหรับปัญหาขยะติดเชื้อโดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่ปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ที่จะต้องกักกันตัวเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือน เม.ย. 64 มีขยะติดเชื้อรวมจำนวน 15.41 ตัน พ.ค. 64 ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ค. มีปริมาณขยะติดเชื้อมากถึง 21.85 ตัน จึงขอให้สำนักงานเขตประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ต้องกักตัวเองที่บ้าน ทิ้งขยะติดเชื้อ หน้ากากอนามัย อย่างถูกวิธี โดยแยกทิ้งจากขยะทั่วไป และขอให้สำนักงานเขตจัดเก็บและรวบรวมไว้ในจุดที่นัดหมายกับสำนักสิ่งแวดล้อม เพื่อสำนักสิ่งแวดล้อมจะแจ้งให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จัดเก็บและนำไปทำลายตามขั้นตอนกระบวนการกำจัดขยะติดเชื้อเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19
กำชับเขตอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ประสงค์รับวัคซีน
สำหรับแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน มี 2 กรณี ได้แก่ 1. การให้บริการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสถานที่หรือชุมชนต่างๆ ที่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือ Cluster ใหญ่ เช่น ตลาดบางแคซึ่งได้ยุติแล้ว และชุมชนในพื้นที่เขตคลองเตย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินงาน และ 2. การให้บริการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงการติดเชื้อ เช่น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้าที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เป็นต้น สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้รับฟังแนวทางจากกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ที่ประสงค์รับการฉีดวัคซีนจะต้องลงทะเบียนในไลน์ Official Account “หมอพร้อม” หรือแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ซึ่งเขตอาจจะให้คำแนะนำ หรืออำนวยความสะดวกประชาชนในการลงทะเบียน