กรณีนักวิชาการตั้งข้อสงสัยที่รัฐบาลนำวัคซีนซิโนแวคที่ยังไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก มาฉีดให้แก่คนไทย อย. แจง วัคซีนที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก มีไว้ใช้ในโครงการ COVAX ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนที่ไม่ได้อยู่ใน WHO ไม่มีคุณภาพ การขึ้นทะเบียนในแต่ละประเทศ ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงรายการวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ย้ำ วัคซีนซิโนแวคมีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล ขอเชิญชวนประชาชนรับการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน
วันนี้ (12 พ.ค.) นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีนักวิชาการตั้งข้อสงสัยกรณีรัฐบาลนำวัคซีนซิโนแวคที่ยังไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกมาฉีดให้แก่คนไทย ส่งผลให้คนไทยรับวัคซีนน้อยนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO EUL) มีไว้สำหรับใช้ในโครงการ COVAX และอาจใช้อ้างอิงประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีระบบการกำกับดูแลด้านวัคซีนที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า วัคซีนที่ไม่ได้อยู่ใน WHO EUL ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน เพราะการขึ้นทะเบียนในแต่ละประเทศไม่จำเป็นต้องอ้างอิงรายการวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ซึ่งจะเห็นว่าวัคซีนของไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ต่างก็ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศต่างๆ เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประเทศในแถบยุโรป ก่อนได้รับรอง WHO EUL ดังนั้น การที่กล่าวว่าวัคซีนที่แต่ละประเทศใช้ต้องเป็นวัคซีนที่องค์การอนามัยโลกอนุมัติ จึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีระบบการกำกับดูแลวัคซีนที่ได้รับการรับรอง WHO PQ จากองค์การอนามัยโลก และเป็นสมาชิกของ PIC/s ด้วย จึงสามารถดำเนินการพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนได้อย่างมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าก่อนการรับรองของ WHO EUL
ทั้งนี้ วัคซีนของซิโนแวคเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยมีการอนุมัติให้ใช้กว่า 45 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง อย. ได้ประเมินและขึ้นทะเบียนโดยผ่านเกณฑ์องค์การอนามัยโลก เรื่องประสิทธิผลในการป้องกันโรคมากกว่า ร้อยละ 50 สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้ ร้อยละ 100 ป้องกันการเกิดอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ร้อยละ 77.9 (ผลการศึกษา Phase 3 จากประเทศบราซิล) รวมทั้ง ประสิทธิผลของการใช้วัคซีนซิโนแวค ในประเทศชิลี พบว่า ป้องกันโรคได้ร้อยละ 67 ป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ 85 ป้องกันการรักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนัก ร้อยละ 89 และป้องกันการเสียชีวิตได้ ร้อยละ 80 (ข้อมูลจาก Evidence Assessment ของวัคซีนซิโนแวค องค์การอนามัยโลก) นอกจากนี้ จากการศึกษาภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีดวัคซีนของซิโนแวค ครบ 2 เข็มแล้ว เป็นเวลา 1 เดือน ในประเทศไทย ของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ พบว่า เกิดภูมิต้านทาน ร้อยละ 99.4 ในขณะที่ 4-8 สัปดาห์ หลังติดเชื้อโดยธรรมชาติ ตรวจพบภูมิต้านทานได้ ร้อยละ 92.4
เลขาธิการ อย. กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า วัคซีนที่ผ่านการประเมินและได้รับทะเบียนจาก อย. เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ อย. ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว 3 รายการ ได้แก่ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนของซิโนแวค และวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียน 1 ราย คือ วัคซีนโมเดอร์นา ดังนั้น อย. จึงขอเชิญชวนประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาดได้โดยเร็ว