รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตรวจเยี่ยม มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ ชมโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ จากหอพักนักศึกษาสู่หอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 รองรับการส่งต่อผู้ป่วยจาก กทม.และปริมณฑล
วันนี้ (9 พ.ค.) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวง ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง และคณะผู้บริหาร อว. ร่วมผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงอธิการบดีและคณาจารย์ของ มรภ.ธนบุรี เข้าเยี่ยมชมการดัดแปลงหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ เป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 ตามมาตรฐาน สธ. เพิ่มจากเดิมที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ ได้ตั้งโรงพยาบาลสนามไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งรองรับได้เพียง 300 เตียง โดยใช้อาคารของสถาบันการแพทย์ฯ และอาคารหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งขณะนี้ไม่เพียงพอ
สืบเนื่องจากการค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ของจังหวัดสมุทรปราการ พบว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 800 คน เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการไม่รุนแรงและผู้ป่วยภาวะวิกฤต โรงพยาบาลสมุทรปราการ และโรงพยาบาลบางพลี จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีสมุทรปราการ จัดตั้งหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 ขึ้น โดยการดัดแปลงหอพักนักศึกษา จำนวน 2 อาคาร สามารถขยายสูงสุดได้ 800 เตียง และเตรียมหอประชุมเป็นโรงพยาบาลสนามอีก 120 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตจากภายในจังหวัดสมุทรปราการ และจะรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจาก กทม.และปริมณฑล ด้วย
หลังการเยี่ยมชม ดร.เอนก ได้กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำความห่วงใยและกำลังใจ พร้อมกับคำขอบคุณมามอบให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้ง รพ.สนาม ทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนทั่วไป และตัวผู้ป่วยและที่สำคัญแพทย์และพยาบาลคือกลุ่มที่ต้องการขวัญกำลังใจอย่างมาก ต้องมอบพลังและคอยดูแลสนับสนุนอย่างเต็มที่ วันนี้ได้เห็นถึงความตั้งใจของ มรภ.ธนบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดตั้ง รพ.สนาม มิใช่ตามข้อสั่งการ แต่เป็นการทำด้วยใจอย่างแท้จริง มีการเตรียมการมาตั้งแต่ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อที่จะทำเพื่อส่วนรวม เห็นความร่วมมืออย่างแท้จริงของทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล เอกชน รัฐวิสาหกิจ และ อว. ในฐานะหน่วยสนับสนุนสำคัญซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายได้รับรู้ว่า อว. มีทรัพยากรและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมากมาย ทั้งด้านการดูและรักษาผู้ป่วย การบริหารจัดการและด้านสถานที่ ซึ่งพร้อมที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทุกจังหวัดในประเทศไทยอย่างเต็มใจ ตนหวังว่า จากวิกฤตครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายหันมาเตรียมความพร้อมในการรับมือภาวะวิกฤตเช่นนี้ในอนาคต บนพื้นฐานของความเป็นจริงและสอดคล้องกับงบประมาณให้เกิดประโยชน์และความพร้อมสูงสุดเพื่อรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ถึงผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน สิ่งใดที่เราได้เห็น ได้ฟัง หากบั่นทอนหรือทำให้ท้อถอยก็เลิกคิด หากมีสิ่งใดที่ได้รับมาแล้วรู้สึกมีพลังก็ต้องยึดมั่นกับสิ่งนั้นเพื่อสร้างพลังบวกให้ตนเองและคนรอบข้าง บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุกระดับ ควรได้รับกำลังใจและความชื่นชมเพื่อพลังในการปฏิบัติงานต่อไป อว. พร้อมเป็นหน่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในพลังของพวกเราชาว อว.” ดร.เอนก กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน ศ.นพ.สิริฤกษ์ ปลัดกระทรวง กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนได้มาที่ รพ.สนาม แห่งนี้ ครั้งหนึ่งแล้วในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งได้สัมผัสกับความตั้งใจของผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น เข้ามาร่วมมือกันอย่างจริงจัง และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมเกิดเป็น รพ.สนาม ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากเดิมทรัพยากรมีจำกัด ทั้งด้านสาธารณูปโภค บริโภค แม้แต่อินเทอร์เน็ตยังไม่เพียงพอ น่าปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นภาพของความร่วมมือครั้งนี้ ตนมั่นใจว่าไม่ว่าจะมีวิกฤตเข้ามาในอนาคตแบบใดก็สามารถก้าวผ่านได้อย่างแน่นอน