กทม.แจงชัดคำประกาศกรุงเทพมหานคร ปรับคนไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า อย่างถูกต้อง ยืนยันเคสคนนั่งในรถยนต์มากกว่า 1 คน ต้องใส่ตลอด หากไม่ปฏิบัติตามต้องถูกปรับ ไม่เว้นคนในครอบครัว
จากกรณีการแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่า แห่แชร์ใบเสร็จค่าปรับ เจ้าหน้าที่ได้จับปรับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย และหน้ากากผ้า ขณะขับรถยนต์ส่วนบุคคล โดยสารมาคนเดียว เป็นเงิน 500 บาท ตามความผิด มาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกประกาศ เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานพำนัก ผู้ฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน เป็นต้นไป
ล่าสุด (26 เม.ย.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ชี้แจงความชัดเจนตามประกาศ เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานพำนัก ตามที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กทม. ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า
“เจตนาในการประกาศ คือ การป้องกันการติดต่อของโรคจากบุคคลไปสู่บุคคล ดังนั้น เมื่อมีบุคคลอื่นอยู่ในรถด้วย จึงต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่นั่งคนเดียว จึงอนุโลมได้ว่า ไม่ต้องสวมหน้ากาก และ ทั้งนี้ ข้อปฏิบัติดังกล่าว รวมถึงการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคาร หรือสถานที่ต่างๆ ด้วยจะต้องสวมหน้ากากด้วย สำหรับในที่สาธารณะต้องสวมตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ ก็ตาม เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้”
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกประกาศ เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานพำนัก ผู้ฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน เป็นต้นไป
ด้าน นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่ประชาชนและสื่อมวลชนมีข้อสงสัยกรณีการบังคับให้ใส่หน้ากาก ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก นั้น โดยเจตนาในการประกาศคือการป้องกันการติดต่อของโรคจากบุคคลไปสู่บุคคล การอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคารหรือที่ต่างๆ จะต้องสวมหน้ากาก สำหรับในที่สาธารณะต้องใส่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ
กรณีที่อยู่ในรถ : เมื่อมีบุคคลอื่นร่วมอยู่ในรถด้วยจึงต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และกรณีนั่งคนเดียวจึงอนุโลมได้ว่าไม่ต้องใส่หน้ากาก
กรณีของผู้ประกาศข่าว/จัดรายการในสตูดิโอ : เนื่องจากสตูดิโอถือว่าเป็นสถานที่นอกเคหสถานและสถานที่พำนัก ตามประกาศดังกล่าว อีกทั้งเป็นสถานที่มีผู้ปฏิบัติงานรวมกันมากกว่า 1 คน มีลักษณะเป็นห้องปิด ซึ่งจะมีผู้เข้ามาใช้งานต่อเนื่อง การทำงานของผู้ประกาศขณะอ่านข่าว หรือจัดรายการ จึงอยูในเกณฑ์ที่ต้องสวมหน้ากากตามที่กำหนดในประกาศ อีกทั้งผู้ประกาศข่าวเป็นบุคคลสาธารณะที่จะมีภาพปรากฏต่อสาธารณชนทั่วไป จึงควรเป็นภาพที่สวมใส่หน้ากากเพื่อแบบอย่างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงและต้องการร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นในขณะนี้ด้วย
กรณีเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ : ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้สวมหน้ากาก เพราะเด็กยังไม่รู้วิธีที่จะถอดหน้ากากออก และอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ จึงเข้าข่ายอนุโลมไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ให้หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในสถานที่แออัด หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 13.30 น. ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ตำบลบางนางร้า
ได้นำผู้ต้องหา...โพสต์โดย ที่ทำการปกครองอำเภอบางปะหัน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2021