อธิบดีกรมการแพทย์ เผยขั้นตอนการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 พร้อมบูรณาการภาคีเครือข่ายจัดตั้งสายด่วน 1668, 1669, 1330 และ Line @saibaideebot ชี้ระดมทีมบุคลากรทางการแพทย์และจิตอาสาทุ่มเททำงานโดยไม่มีวันหยุด เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรเตียงให้เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วย
วันนี้ (15 เม.ย.) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า กระบวนการวินิจฉัยและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญที่สามารถจำกัดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ หากท่านเป็นกลุ่มเสี่ยงของการติดเชื้อ สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยในเบื้องต้นได้ที่โรงพยาบาล หรือ Lab ที่มีสถานพยาบาลให้การรองรับ ซึ่งการวินิจฉัยตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการ สามารถทำได้โดยการตรวจยีนของไวรัส (RT-PCR) โดยสามารถพบได้ตั้งแต่ระยะฟักตัว รวมถึงดูปริมาณของเชื้อในผู้ป่วย ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานดีที่สุดขณะนี้ หากท่านยังไม่มีอาการแสดงชัดเจน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจะให้สังเกตอาการที่บ้าน หรือในสถานที่กักกันที่รัฐบาลกำหนดเป็นระยะเวลา 14 วัน หากผลทางห้องปฏิบัติการเป็นลบ ในกลุ่มเสี่ยง ยังมีความจำเป็นต้องกักตัวเพื่อตรวจยืนยันอีกครั้ง แต่หากผลเป็นบวกแปลว่าติดเชื้อ COVID-19 ทางเจ้าหน้าที่จะส่งข้อมูลตามมาตรฐานของการควบคุมโรคไปยังกรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหากเป็นผู้ป่วยในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จะส่งข้อมูลไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง พร้อมกับแจ้งผลการตรวจให้กับผู้ป่วยทราบ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะประสานโรงพยาบาลเครือข่ายเพื่อจัดหาเตียงและแจ้งการเดินทางเพื่อไปรับผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ซึ่งหลักการดูแลรักษาพยาบาลจะต้องให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อจะได้ไม่แพร่เชื้อต่อในครอบครัวหรือชุมชน
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากในขณะนี้มีการระบาดของโรคอย่างรวดเร็วในทั่วประเทศ มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ขอให้ประชาชนที่พบการติดเชื้อประสานกับโรงพยาบาลที่ตรวจพบเชื้อในเบื้องต้น หากโรงพยาบาลนั้นๆ ไม่สามารถรองรับการรักษาได้ ขอให้แจ้งมายังสายด่วน COVID-19 เฉพาะกิจ โทร 1669, 1668, 1330 หรือสามารถแอดไลน์และบันทึกในสบายดีบอท (LINE @saibaideebo) ซึ่งสายด่วนเหล่านี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ กรุงเทพมหานครโดยศูนย์เอราวัณ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น หากท่านเป็นผู้ป่วยที่รอเตียง เจ้าหน้าที่จะรับข้อมูลเพื่อประเมินระดับความรุนแรง พร้อมทั้งติดตามอาการทางโทรศัพท์ระหว่างรอเตียง รวมถึงประสานหาเตียงภายในกรมการแพทย์และประสานงานไปยังสายด่วน 1669 โดยมีการบริหารเตียงและสื่อสารระหว่างสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กรมการแพทย์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย (UHosNet) กระทรวงกลาโหม และโรงพยาบาลเอกชน ในการจัดสรรเตียงในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล เพื่อนำท่านไปยังโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ สายด่วนดังกล่าวได้ให้บริการประชาชนในทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นจิตอาสาจำนวนมากเข้ามาช่วยงาน เพื่อให้บริการประชาชนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข