สธ. เตรียมเสนอ ศบค.ปรับพื้นที่ควบคุม 4 โซน พร้อมมาตรการคุมช่วงสงกรานต์ หลัง “คลัสเตอร์สถานบันเทิง” ทำยอดผู้ป่วยพุ่ง ย้ำห้ามดื่มสุราในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัด คุมเข้มสีแดง “กทม.-ปทุมธานี-นนทบุรี-สมุทรปราการ-นครปฐม” ร้านอาหาร ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดได้ถึง 3 ทุ่ม งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยันไม่งดเดินทางสงกรานต์ ขอ 2 สัปดาห์ แล้วประเมินผลอีกครั้ง
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มจะสูงขึ้นกว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาพอสมควร จากรายงานติดเชื้อ 194 ราย โดยมี 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เนื่องจากมีประสบการณ์ในการควบคุมโรคผู้ต้องกักในสถานที่กักบางเขน และมีการใช้ Bubble and Seal เชื่อว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี
สำหรับเหตุการณ์ที่มีการระบาดในกลุ่มสถานบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นนักเที่ยว พนักงาน นักดนตรี ในพื้นที่รอบๆ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงนักเทื่ยวและพนักงาน ได้มีการเดินทางไปหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น สุพรรณบุรี และอื่นๆ ฉะนั้น มาตรการในเรื่องนี้จำเป็นต้องมีความเข้มข้นขึ้น อีกทั้งประกอบกับช่วงนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์ จึงมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558
มาตรการเพิ่มเติมจากคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2558 และ ศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน สธ. 5 เมษายน 2564
1. มอบ คร.ปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่ (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพื้นที่ควบคุมสูงสุด/พื้นที่ควบคุม/พื้นที่เฝ้าระวังสูง/พื้นที่เฝ้าระวัง) สถานการณ์ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบการดำเนินงานตามคำสั่ง ศบค. ให้
ตรงกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน
2. ให้ อสม.ในจังหวัดปลายทางติดตามผู้ที่เดินทางมาจากพื้นเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสถานบันเทิง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และเฝ้าระวัง ควบคุมโรค ตามมาตรการที่กำหนด
3. มอบ คร. ดำเนินการวางแผน Sentinel surveillance ในจังหวัดเสี่ยง เน้นพื้นที่ที่มีสถานบันเทิง ผับ บาร์
4. ให้ทุกจังหวัดตั้งรับเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้ อสม. เคาะประตูบ้าน
5. ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ซักประวัติหากมีความเสี่ยงให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที
6. สั่งการ สถาบันบำราศนราดูร และ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เปิดให้บริการตรวจประชาชนทุกวันไม่เว้นวันหยุด
7. ทุกจังหวัดพิจารณา นำวัคซีนเพื่อการควบคุมโรค ตามคำแนะนำคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.
นพ.โอภาส กล่าวว่า ดังนั้น ที่ประชุมมีมติมีการปรับเพื่อการควบคุมโรค ดังนี้ จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด สีแดง 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม พื้นที่ควบคุมสีส้มมี 9 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชุมพร ตาก ราชบุรี ชลบุรี สุพรรณบุรี นราธิวาส และกาญจนบุรี ส่วนจังหวัดเฝ้าระวังสูง สีเหลือง มี 10 จังหวัด ได้แก่พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ระยอง สงขลา ยะลา ขอนแก่น และที่เหลืออีก 53 จังหวัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง สีเขียว
โดยมาตรการที่จะดำเนินการคือ ในจังหวัดสีแดง กำหนดว่าร้านอาหารเปิดไม่เกิน 21.00 น. รับประทานอาหารในร้านได้ แต่งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิง เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. รับประทานอาหารได้ แต่ห้ามดื่มสุรา ห้ามจำหน่าย จ่าย แจกเนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า ความเสี่ยงอยู่ที่สถานบันเทิงผับ บาร์ คาราโอเกะ รวมถึงการดื่มสุราจึงต้องเข้มงวด ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ตามปกติ แต่ต้องดำเนินการแบบ New Normal คือ สวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การสแกนวัดอุณหภูมิ การสแกนแอปพลิเคชัน ไทยชนะ และอื่นๆ ที่มี ส่วนสถานศึกษาให้เปิดได้ตามปกติ ส่วนสถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส เปิดได้ กีฬาแข่งขันได้ โดยจำกัดผู้ชม
โดยเฉพาะผับ บาร์ ในกรุงเทพฯ จะมีการคัดกรองให้ครบถ้วน จากการประสานเบื้องต้น ในกรุงเทพฯมีอยู่ประมาณพันกว่าแห่ง ก็จะมีการจัดระบบเฝ้าระวังให้สม่ำเสมอ ออกตรวจถี่ขึ้น
ส่วนจังหวัดสีส้ม ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. รับประทานอาหาร ดื่มสุราได้ ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดไม่เกิน 23.00 น. ดื่มสุราได้ แสดงดนตรีสดในร้านได้ แต่งดเต้นรำ งดกิจกรรมที่มีการเบียดเสียดยัดเยียด ส่วนห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถานออกกำลังกายเปิดได้เช่นเดิม จังหวัดสีเหลืองเปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. รับประทานทานอาหารได้ ดื่มสุราได้ ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. แสดงดนตรีสดได้ ดื่มสุราได้ รับประทานอาหาร ได้แต่งดเต้นรำ ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว 53 จังหวัด เปิดได้ตามปกติโดยดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรค
ทั้งนี้ จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ในวันที่ 7 เม.ย. นี้ โดยมาตรการนี้จะดำเนินการ 2 สัปดาห์ และประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการบังคับอย่างไร แต่ความร่วมมือของประชาชนสำคัญมาก เพราะบางคนห้ามดื่มในร้าน แต่ก็ไปปาร์ตี้ต่อที่บ้าน ซึ่งทำได้ แต่ก็จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคุมได้ยาก ดังนั้น ความร่วมมือของประชาชนมีความสำคัญมาก
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มจะสูงขึ้นกว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาพอสมควร จากรายงานติดเชื้อ 194 ราย โดยมี 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เนื่องจากมีประสบการณ์ในการควบคุมโรคผู้ต้องกักในสถานที่กักบางเขน และมีการใช้ Bubble and Seal เชื่อว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี
สำหรับเหตุการณ์ที่มีการระบาดในกลุ่มสถานบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นนักเที่ยว พนักงาน นักดนตรี ในพื้นที่รอบๆ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงนักเทื่ยวและพนักงาน ได้มีการเดินทางไปหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น สุพรรณบุรี และอื่นๆ ฉะนั้น มาตรการในเรื่องนี้จำเป็นต้องมีความเข้มข้นขึ้น อีกทั้งประกอบกับช่วงนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์ จึงมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558
มาตรการเพิ่มเติมจากคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2558 และ ศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน สธ. 5 เมษายน 2564
1. มอบ คร.ปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่ (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพื้นที่ควบคุมสูงสุด/พื้นที่ควบคุม/พื้นที่เฝ้าระวังสูง/พื้นที่เฝ้าระวัง) สถานการณ์ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบการดำเนินงานตามคำสั่ง ศบค. ให้
ตรงกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน
2. ให้ อสม.ในจังหวัดปลายทางติดตามผู้ที่เดินทางมาจากพื้นเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสถานบันเทิง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และเฝ้าระวัง ควบคุมโรค ตามมาตรการที่กำหนด
3. มอบ คร. ดำเนินการวางแผน Sentinel surveillance ในจังหวัดเสี่ยง เน้นพื้นที่ที่มีสถานบันเทิง ผับ บาร์
4. ให้ทุกจังหวัดตั้งรับเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้ อสม. เคาะประตูบ้าน
5. ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ซักประวัติหากมีความเสี่ยงให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที
6. สั่งการ สถาบันบำราศนราดูร และ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เปิดให้บริการตรวจประชาชนทุกวันไม่เว้นวันหยุด
7. ทุกจังหวัดพิจารณา นำวัคซีนเพื่อการควบคุมโรค ตามคำแนะนำคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.
นพ.โอภาส กล่าวว่า ดังนั้น ที่ประชุมมีมติมีการปรับเพื่อการควบคุมโรค ดังนี้ จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด สีแดง 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม พื้นที่ควบคุมสีส้มมี 9 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชุมพร ตาก ราชบุรี ชลบุรี สุพรรณบุรี นราธิวาส และกาญจนบุรี ส่วนจังหวัดเฝ้าระวังสูง สีเหลือง มี 10 จังหวัด ได้แก่พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ระยอง สงขลา ยะลา ขอนแก่น และที่เหลืออีก 53 จังหวัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง สีเขียว
โดยมาตรการที่จะดำเนินการคือ ในจังหวัดสีแดง กำหนดว่าร้านอาหารเปิดไม่เกิน 21.00 น. รับประทานอาหารในร้านได้ แต่งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิง เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. รับประทานอาหารได้ แต่ห้ามดื่มสุรา ห้ามจำหน่าย จ่าย แจกเนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า ความเสี่ยงอยู่ที่สถานบันเทิงผับ บาร์ คาราโอเกะ รวมถึงการดื่มสุราจึงต้องเข้มงวด ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ตามปกติ แต่ต้องดำเนินการแบบ New Normal คือ สวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การสแกนวัดอุณหภูมิ การสแกนแอปพลิเคชัน ไทยชนะ และอื่นๆ ที่มี ส่วนสถานศึกษาให้เปิดได้ตามปกติ ส่วนสถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส เปิดได้ กีฬาแข่งขันได้ โดยจำกัดผู้ชม
โดยเฉพาะผับ บาร์ ในกรุงเทพฯ จะมีการคัดกรองให้ครบถ้วน จากการประสานเบื้องต้น ในกรุงเทพฯมีอยู่ประมาณพันกว่าแห่ง ก็จะมีการจัดระบบเฝ้าระวังให้สม่ำเสมอ ออกตรวจถี่ขึ้น
ส่วนจังหวัดสีส้ม ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. รับประทานอาหาร ดื่มสุราได้ ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดไม่เกิน 23.00 น. ดื่มสุราได้ แสดงดนตรีสดในร้านได้ แต่งดเต้นรำ งดกิจกรรมที่มีการเบียดเสียดยัดเยียด ส่วนห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถานออกกำลังกายเปิดได้เช่นเดิม จังหวัดสีเหลืองเปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. รับประทานทานอาหารได้ ดื่มสุราได้ ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. แสดงดนตรีสดได้ ดื่มสุราได้ รับประทานอาหาร ได้แต่งดเต้นรำ ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว 53 จังหวัด เปิดได้ตามปกติโดยดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรค
ทั้งนี้ จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ในวันที่ 7 เม.ย. นี้ โดยมาตรการนี้จะดำเนินการ 2 สัปดาห์ และประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการบังคับอย่างไร แต่ความร่วมมือของประชาชนสำคัญมาก เพราะบางคนห้ามดื่มในร้าน แต่ก็ไปปาร์ตี้ต่อที่บ้าน ซึ่งทำได้ แต่ก็จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคุมได้ยาก ดังนั้น ความร่วมมือของประชาชนมีความสำคัญมาก
