วธ. ร่วมกับ เมืองสุขสยาม จัดงาน “ด้วยรักและผูกพัน สายสัมพันธ์ จีน-ไทย ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” เฉลิมพระเกียรติกรมสมเด็จพระเทพฯ ภายในงานมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ฉายภาพยนตร์ไทย-จีน ร้านหนังสือวรรณกรรมไทย-จีน ร้านอาหาร ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม กว่า 30 บูธ ระหว่าง 2-5 เม.ย. ชั้น G ศูนย์การค้า ICON SIAM เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)ร่วมกับ เมืองสุขสยาม และเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน กำหนดจัดโครงการ “ด้วยรักและผูกพัน สายสัมพันธ์ จีน-ไทย ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” ระหว่างวันที่ 2- 5 เมษายน 2564 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพวันที่ 2 เมษายน 2564 ซึ่งพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์ของพสกนิกรชาวไทยนานัปการ โดยมีพระราชกรณียกิจในด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศที่โดดเด่น คือ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบกับในปีนี้ครบรอบ 46 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ โครงการเมืองสุขสยาม กล่าวว่า เมืองสุขสยามได้เริ่มต้นในการนำความเป็นไทยก้าวไปสู่ความเป็นสากลมาตั้งแต่ปี 2563 โดยได้จัดกิจกรรมที่สร้างความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งร่วมกับหลากหลายประเทศ จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้เมืองสุขสยามกลายเป็นที่จับตามองจากนานาชาติที่มีความต้องการเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการต่อๆ ไปของเมืองสุขสยาม นำมาสู่จุดเริ่มต้นในการจัดงานครั้งนี้ โดยได้เล็งเห็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนความงดงามทางศิลปะ วิถีชีวิต รวมทั้งงานวรรณกรรมในรูปแบบต่างๆ ของทั้งสองประเทศ ล้วนแล้วแต่บอกเล่าถึงความสัมพันธ์อันดีงามซึ่งกันและกัน สร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แต่งต่างอย่างลงตัว กลายเป็นสื่อกลางหลอมรวมวิถีชีวิตของคนไทยและคนจีนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
น.ส.ปิยะธิดา ชื่นแดง นักศึกษาขั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เล่าว่า เธอมีเพื่อนนักศึกษาซึ่งเป็นชาวจีน ในระหว่างที่เรียนร่วมกันจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน อีกทั้งมหาวิทยาลัยสอนตัดกระดาษจีน ที่เขียนอักษรจีน เป็นคำมงคล นักษัตรแบบจีน หน้ากากจีน และอื่นๆ เมื่อเพื่อนนักศึกษาชาวจีนจะเดินทางกลับประเทศ ตนยังได้วาดหน้ากากจีนมอบให้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้าน ศรีสมพร สนธิเดช หรือ ป้าแก้ว หนึ่งในผู้สืบสานเครื่องปั้นดินเผา เกาะเกร็ด บอกว่า เครื่องปั้นดินเผาของไทยและจีน มีหลักการทำคล้ายๆ กัน เพียงแต่ละประเทศจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นต่างกันออกไป อย่างของป้าแก้วจะเน้นความละเอียดอ่อนช้อย โดยใส่ลวดลายพุดซ้อนและลายอื่นๆ ส่วนของจีนจะเน้นการเขียนสี เครื่องปั้นดินเผาจะสีสดใส ไม่ว่าเครื่องปั้นดินเผาจะออกมาเช่นใด มักจะสะท้อนวิถีชีวิตของวัฒนธรรมประเทศนั้นเอาไว้
“รู้สึกภูมิใจที่สุดในชีวิต ตนเคยทูลเกล้าถวายเครื่องปั้นดินเผา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเชื้อพระวงศ์ ท่านรับสั่งว่าให้สืบสานอนุรักษ์เครื่องปั้นดินเผาไว้ให้ดี อย่าให้สูญหาย ตนได้นำลายไทยๆ มาประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องปั้นให้ดูร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ทำเป็นของประดับตกแต่งบ้าน นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิต” ป้าแก้ว กล่าว
สำหรับกิจกรรมโครงการนี้ประกอบด้วยนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสายสัมพันธ์ไทย-จีน หมื่นลี้แห่งความสุข เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมีการจัดแสดงหนังสือพระราชนิพนธ์ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมการฉายภาพยนตร์ไทย-จีนให้ชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การออกร้านหนังสือวรรณกรรมไทย-จีน การออกร้านจำหน่ายอาหารไทยและจีนร้านอาหารอร่อย 100 ปี และร้านผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมรวมทั้งกิจกรรมสาธิตการประดิษฐ์งานศิลปะ ได้แก่ การทำพัด การวาดหน้ากากจีน การตัดกระดาษจีนและการทำศิลปะภาพพิมพ์ จะจัดระหว่างวันที่ 2-5 เมษายน ณ โครงการสุขสยาม ชั้น G ศูนย์การค้า ICON SIAM