“วีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ออกจาก รพ.แล้ว หลังจากป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 63 และย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช จนอาการดีขึ้น สามารถเดินทางกลับจังหวัดสมุทรสาครในวันนี้ พร้อมเปิดใจ 82 วัน รักษาโควิด-19 กำลังใจเต็มร้อย เตรียมกลับไปดูแลชาวสมุทรสาคร
วันนี้ (19 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นประธานแถลงข่าว เรื่อง “ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ออกจาก รพ.ศิริราช” ในวันที่ 19 มี.ค. เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมราชแพทยาลัย รพ.ศิริราช โดยมี นายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช, รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เปิดเผยว่าหลังทำการรักษานายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่เข้ารับการรักษาใน รพ.ศิริราช ด้วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 63 จนอาการดีขึ้น และสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยวันนี้คณะนายแพทย์จากศิริราชร่วมเดินทางไปส่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาครด้วย
ก่อนป่วยติดเชื้อโควิด-19 นายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงพื้นที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านตลาดกลางกุ้งตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ตลาดกลางกุ้ง เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 63 กระทั่งวันที่ 27 ธ.ค. 63 ลงพื้นที่ไปพร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ร่วมกันกินอาหารทะเลปรุงสุก จากนั้นเริ่มป่วยตรวจร่างกาย รพ.สมุทรสาคร นอนดูอาการ และได้รับการยืนยันว่า ติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 63 ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช
นายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เดินเข้ามายังห้องแถลงข่าวด้วยตัวเอง แม้จะเดินเซบ้าง และต้องมีแพทย์กับลูกสาวคอยช่วยเหลือบ้าง นายวีระศักดิ์ กล่าวเปิดใจว่า ก่อนจะรู้ตัวว่าป่วย ก็เคยคิดว่าหากไปตรวจหาเชื้อก็น่าจะพบเชื้อ เพราะทำงานลงพื้นที่ตลอด ยิ่งช่วงโควิดระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร ร่างกายก็อ่อนแอ เพราะนอนน้อย ประกอบกับช่วงนั้นกำลังตัดสินใจสร้างโรงพยาบาลสนามที่หน้าจวนผู้ว่าฯ จึงคิดว่าจะไปตรวจหาเชื้อก่อนที่จะสร้างโรงพยาบาลสนาม และปรากฏว่า พบเชื้อจริงๆ ซึ่งในครั้งแรก ยังคิดว่าไม่น่าจะรุนแรง ป่วยประมาณ 10 วันก็คงหาย แต่กลายเป็นว่าอาการป่วยจากโควิด-19 รุนแรงกว่าที่คิด หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรสาครและส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ก็อยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัวเลยถึง 42 วัน ชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ในวันแรกที่ฟื้นขึ้นมา ยอมรับว่ารู้สึกแย่มาก เพราะร่างกายไม่มีแรง รู้สึกเหมือนไม่ใช่แขนขาตัวเอง พูดไม่ได้ เหนื่อยหอบ แต่ทีมแพทย์พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องที่ทุ่มเทรักษาพยาบาล รวมทั้งภรรยาและลูกสาว ที่ส่งข้อความและอัดเสียงให้กำลังใจ ทำให้มีแรงต่อสู้กับโรค จนค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายทีละน้อย สามารถปลดเปลื้องสายหรือท่อต่างๆ ที่พันธนาการร่างกายได้ กระทั่งอาการดีขึ้นมากจนตัวเองยังแปลกใจ
นายวีระศักดิ์ ขอบคุณทีมแพทย์พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ที่ทุ่มเทรักษาจนหายดี ขอบคุณประชาชนทุกคน รวมทั้งภรรยาและลูกสาว ที่ให้กำลังใจ หลังจากนี้ จะเดินทางกลับจังหวัดสมุทรสาคร และเริ่มต้นทำงานแก้ปัญหาโควิด-19 โดยจะทำงานจากที่บ้านพัก ทั้งที่จังหวัดสมุทรสาคร และที่บ้านเกิดจังหวัดอ่างทอง จนกว่าร่างกายจะหายดี คาดว่า ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน น่าจะสามารถลงพื้นที่ได้ พร้อมขอให้อาการป่วยของตัวเองเป็นกรณีศึกษา เป็นบทเรียน โดยเฉพาะเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย เพราะตั้งแต่ที่ติดเชื้อและล้มป่วย มีเพียงภรรยาคนเดียวเท่านั้นที่รับเชื้อไป แต่คนใกล้ชิด เลขาฯ คนขับรถ หรือคนที่ทำงานใกล้ชิดกัน ไม่ได้รับเชื้อไปเลย นายวีระศักดิ์ ย้ำว่า แม้ร่างกายตอนนี้จะยังไม่เต็มร้อย แต่กำลังใจเต็มเปี่ยม พร้อมจะแก้ไขปัญหา เยียวยาคนสมุทรสาครที่กำลังเดือดร้อนหนัก แต่เชื่อว่า ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้แน่นอน
นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ดูแลผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ย้ำว่า แม้จะสามารถกลับสมุทรสาครได้แล้ว แต่ระหว่างนี้ยังงดเยี่ยม งดลงพื้นที่ และยังต้องคุมเข้มกับมาตการป้องกันโรคต่างๆ เช่นการเว้นระยะห่าง ส่วนนักกายภาพบำบัดที่จะไปช่วยฟื้นฟูอาการ ก็ยังเป็นทีมเดิมที่ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีเชื้อโควิด-19
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า กระบวนการรักษาผู้ว่าฯ สมุทรสาคร จะถือเป็นกรณีศึกษา เป็นองค์ความรู้ที่ดีสำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิดรายอื่นๆ เริ่มตั้งแต่ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ที่สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็วและให้ยารักษาเร็ว ก่อนจะประสานส่งตัวต่อมายังโรงพยาบาลศิริราชในช่วงที่อาการยังไม่หนักมาก ซึ่งขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางให้ทีมแพทย์ทั่วประเทศปฎิบัติอยู่แล้ว ทำให้เกิดการประสานงานที่รวดเร็ว และอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคโควิดในประเทศไทย มีอัตราที่ต่ำ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า ตามทฤษฎีแล้ว ในกลุ่มผู้ที่หายป่วยจากโควิด-19 จะมีภูมิคุ้มกันโรค แต่ในกรณีของผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ไม่พบภูมิคุ้มกัน จึงต้องขออนุญาตผู้ป่วย ฉีดวัคซีนของบริษัทซิโนแวค เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน และจะติดตามประเมินผลต่อว่า หลังจากรับวัคซีนแล้ว มีภูมิคุ้มกันขึ้นหรือไม่ รวมทั้งขอให้ทุกคนอย่าประมาท สวมหน้ากากอนามัย ดูแลสุขภาพของตัวเอง เพราะแม้แต่คนหนุ่มสาววัยทำงาน หรือคนอายุ 40 กว่าปี ติดโควิดเสียชีวิตมาแล้วก็มี
ขณะที่ รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ระบุว่า โรงพยาบาลศิริราช ได้รับดูแลผู้ป่วยโควิดจากการระบาดรอบแรกมาแล้ว และไม่มีผู้ป่วยที่มารักษาเสียชีวิตเลย จึงถือว่ามีความพร้อม มีประสบการณ์ และมีเครื่องมือพร้อม ในการรอบใหม่ โรงพยาบาลศิริราช ช่วยรับส่งต่อผู้ป่วยโควิดที่อาการหนักจากโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในการระบาดรอบใหม่ 75 คน อาการหนักกว่า 10 คน ซึ่งแยกรักษาในห้องความดันลบ ดังนั้น โรงพยาบาลศิริราชจึงมีศักยภาพและความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เช่นการระบาดที่ตลาดเขตบางแค
หลังจากการแถลงข่าว คณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช จะเดินทางไปส่งนายวีระศักดิ์ถึงที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยทางจังหวัดจัดสถานที่สำหรับประชาชนที่จะต้อนรับและให้กำลังใจผู้ว่าฯ ที่อาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร โดยงดใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ เพราะยังต้องระมัดระวังสุขภาพ รวมทั้งไม่ให้เกิดการแออัดมากเกินไป