xs
xsm
sm
md
lg

กทม.ส่งรถ Mobile Unit เดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 เชิงรุกตลาดบางแคพรุ่งนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงเทพมหานคร ส่งรถ Mobile Unit ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับผู้มีความเสี่ยงสูง ผู้ค้า และแรงงานในตลาดเขตพื้นที่บางแคในวันพรุ่งนี้ พร้อมขอให้ประชาชนลงทะเบียนที่ “หมอพร้อม” ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เตรียมฉีดในสัปดาห์นี้

วันนี้ (16 มี.ค.) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานคร ร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 4/2564 โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรมแพทย์ทหารบก กรมแพทย์ทหารเรือ กรมแพทย์ทหารอากาศ สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ สำนักอนามัย สำนักการแพทย์ ร่วมประชุม

ภายหลังจากการประชุม ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้รับการจัดสรรวัคซีน ซึ่งกลุ่มแรกที่ได้ฉีด เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งฉีดครบ 100% แล้ว และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้า ฉีดได้ตามเป้าหมายเกือบ 100% สำหรับในสัปดาห์นี้เริ่มฉีดให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ฉีดเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตหากติดเชื้อ

โดยที่ประชุมวันนี้ได้ร่วมหารือกันประเด็นหลัก 3 ประเด็น ประกอบด้วย
ประเด็นที่ 1 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้อนุมัติปรับแผนการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมาย 3 ข้อ ได้แก่
1. จากเดิม ฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลพื้นที่เสี่ยงติดกับ จ.สมุทรสาคร 6 เขต และมีอายุ 50-59 ปี 10 เดือน ขยายให้แก่ประชาชนกลุ่มที่เป็นโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลพื้นที่เสี่ยงติดกับจ.สมุทรสาคร 6 เขต และมีอายุ 18 - 59 ปี 10 เดือน
2. จากเดิม ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้า ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงติดกับ จ.สมุทรสาคร 6 เขต ขยายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้า ทั้ง 50 เขต
3. ฉีดให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น ที่ตลาดในพื้นที่เขตบางแค จะฉีดให้กับผู้ค้าและแรงงานในตลาด

ประเด็นที่ 2 การฉีดวัคซีนให้กับผู้ค้าและแรงงานในตลาดพื้นที่เขตบางแค
กรุงเทพมหานครและภาคีเครือข่ายพร้อมให้บริการฉีดวัคซีน ณ สถานพยาบาลที่กำหนด รวมทั้งผู้ที่ไม่สะดวกในการเดินทาง หรือหากเดินทางแล้วจะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ สามารถรับบริการฉีดวัคซีนโดยหน่วยบริการเคลื่อนที่ Mobile Unit ซึ่งจะออกให้บริการ ณ ตลาดบางแค ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) เป็นต้นไป

สำหรับประเด็นที่ 3 ในสัปดาห์หน้ากรุงเทพมหานครจะได้รับวัคซีน Sinovac เพิ่มอีก 240,000 โดส หรือสามารถฉีดให้ประชาชนได้จำนวน 120,000 คน ที่ประชุมได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกสังกัดที่อยู่นอกเหนือจาก 6 เขตเสี่ยง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง

สำหรับขั้นตอนการคัดกรองเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย ก่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคนต้องวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ จากนั้น ขั้นตอน ที่ 1 ตรวจสอบสิทธิและกรอกประวัติข้อมูลในเอกสารแสดงความยินยอม ขั้นตอนที่ 2 เป็นการลงทะเบียน(ทำบัตร) เพื่อยืนยันตัวตน ขั้นตอนที่ 3 ชั่งน้ำหนัก วัดไข้ วัดความดันโลหิต ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์จะไม่สามารถรับบริการวัคซีนได้ ขั้นตอนที่ 4 ให้คำปรึกษา แนะนำและลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน ขั้นตอนที่ 5 เข้ารับการฉีดวัคซีน จากนั้นขั้นตอนที่ 6 จะให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนทุกรายนั่งพักรอสังเกตอาการจนครบ 30 นาที โดยได้จัดให้มีพื้นที่ปฐมพยาบาล แพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำหรับการดูแลผู้ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน และมีการแนะนำวิธีการใช้ Line Official Account “หมอพร้อม” เพื่อติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน 30 วัน และรับการแจ้งเตือนเพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ขั้นตอนที่ 7 จุดตรวจสอบก่อนกลับ เจ้าหน้าที่จะสอบถามอาการ ให้คำแนะนำ และออกใบนัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 พร้อมรับเอกสารคำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังการฉีดวัคซีน พร้อมกับประเมินการเฝ้าระวังและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ในวันแรกของการฉีดวัคซีน ณ ตลาดบางแค คาดว่า จะสามารถให้บริการได้ประมาณ 500-600 คน และจะให้บริการต่อเนื่องจนกว่าจะครบ 6,000 คน อย่างไรก็ตามการให้บริการวัคซีนเป็นเพียงการสร้างภูมิคุ้มกันเท่านั้น ขอให้ประชาชนทุกคนยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่ทางราชการกำหนด อาทิ การสวมใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ การวัดอุณหภูมิ และลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้งเมื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเคร่งครัด








กำลังโหลดความคิดเห็น