28 ม.ค.นี้ โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 437 แห่ง จัดกิจกรรม “Big Cleaning” พร้อมกัน เพื่อเตรียมพร้อมหากมีประกาศให้เปิดการเรียนการสอน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง
วันนี้ (26 ม.ค.) เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 28 ม.ค. Big Cleaning โรงเรียน กทม. เตรียมพร้อมรับเปิดเรียน
สำหรับการเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน พร้อมมาตรการในการป้องกันและควบคุมโรค โดยสำนักการศึกษาได้เตรียมพร้อมมาตรการหลักก่อนเปิดภาคเรียน ประกอบด้วย
- จำกัดผู้ปกครองและบุคคลที่จะเข้ามาในโรงเรียน
- การคัดกรอง
- การเน้นย้ำให้สวมหน้ากากอนามัย
- การรักษาระยะห่าง
- การล้างมือ การทำความสะอาด
- การค้นหาและติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงในโรงเรียน
โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ อาทิ การเน้นให้นักเรียนได้เรียนในที่โล่ง การจำกัดเวลาในการรับประทาน เพื่อให้นักเรียนใช้เวลาถอดหน้ากากอนามัยน้อยที่สุด โต๊ะอาหารต้องมีฉากกั้นและเว้นระยะนักเรียน แม่ครัวและพนักงานล้างจานต้องสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือ อาหารที่ปรุงต้องสะอาดและสุกใหม่ จัดให้มีการเหลื่อมเวลาในการพักรับประทานอาหาร การใช้ห้องน้ำจะจัดให้สลับกันตามความเหมาะสมมีการรอคิวและเว้นระยะห่างอย่างชัดเจน และการดูแลให้นักเรียนล้างมือเป็นประจำทุกชั่วโมง
ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 437 แห่ง จะจัดกิจกรรม Big Cleaning พร้อมกัน เพื่อเตรียมพร้อมหากมีประกาศให้เปิดการเรียนการสอนและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง
28 ม.ค. Big Cleaning โรงเรียน กทม. เตรียมพร้อมรับเปิดเรียน
สำหรับการเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร...Posted by ศูนย์ข้อมูล COVID-19 on Monday, January 25, 2021
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยวันนี้ สำนักการศึกษาและสำนักพัฒนาสังคม ได้รายงานความพร้อมในการเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน พร้อมมาตรการในการป้องกันและควบคุมโรค
โดยสำนักการศึกษา ได้เตรียมพร้อมมาตรการหลักก่อนเปิดภาคเรียน ประกอบด้วย จำกัดผู้ปกครองและบุคคลที่จะเข้ามาในโรงเรียน การคัดกรอง การเน้นย้ำให้สวมหน้ากากอนามัย การรักษาระยะห่าง การล้างมือ การทำความสะอาด การค้นหาและติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงในโรงเรียน โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ อาทิ การเน้นให้นักเรียนได้เรียนในที่โล่ง การจำกัดเวลาในการรับประทานเพื่อให้นักเรียนใช้เวลาถอดหน้ากากอนามัยน้อยที่สุด โต๊ะอาหารต้องมีฉากกั้นและเว้นระยะนักเรียน แม่ครัวและพนักงานล้างจานต้องสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือ อาหารที่ปรุงต้องสะอาดและสุกใหม่ จัดให้มีการเหลื่อมเวลาในการพักรับประทานอาหาร การใช้ห้องน้ำจะจัดให้สลับกันตามความเหมาะสมมีการรอคิวและเว้นระยะห่างอย่างชัดเจน และการดูแลให้นักเรียนล้างมือเป็นประจำทุกชั่วโมง
ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ม.ค. 64 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437 แห่ง จะจัดกิจกรรม “Big Cleaning” พร้อมกัน เพื่อเตรียมพร้อมหากมีประกาศให้เปิดการเรียนการสอน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง
ขณะที่ สำนักพัฒนาสังคม ได้รายงานมาตรการสำหรับศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร จำนวน 292 ศูนย์ ในพื้นที่ 45 สำนักงานเขต (ยกเว้น บางบอน บางรัก สัมพันธวงศ์ พระนคร และบางกอกใหญ่) โดยได้ดำเนินการตามมาตรการเพื่อเตรียมพร้อมเปิดศูนย์แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะเตรียมการก่อนเปิด และระยะเปิดดำเนินการ ในส่วนของระยะเตรียมการก่อนเปิด ประกอบด้วย การติดตั้งแผนกรองอากาศ การทำความสะอาดพื้นผิวการเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ล้างมือ ในส่วนของอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก ได้จัดอบรมหลักสูตรด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยเรื่องการป้องกันโรค การเตรียมการสอนและการจัดกิจกรรมโดยรักษาระยะห่าง รวมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งผู้ปกครองให้เตรียมเด็กให้พร้อม รวมทั้งหลีกเลี่ยงไปสถานที่แออัด และหมั่นให้เด็กๆ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
สำหรับระยะเปิดดำเนินการ ประกอบด้วย 1. การคัดกรองอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก วัดไข้ น้ำมูก ซักประวัติ 2. การคัดกรองผู้ปกครองและเด็กก่อนวัยเรียน วัดไข้ น้ำมูก ซักประวัติ 3. การรับ-ส่งเด็กประจำวัน กำหนดช่องทางเข้า-ออกทางเดียว เว้นระยะห่าง 2 เมตร จำกัดมิให้แออัดหรือรวมกลุ่ม 4. หน้ากากอนามัย สวมหน้ากากอนามัย 100% 5. ล้างมือ จัดให้มีจุดล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ ล้างมือทุก 1-2 ชั่วโมง 6. การจัดอัตราส่วนเด็กก่อนวันเรียน (Small Group) จัดกลุ่มกิจกรรม ไม่เกินกลุ่มละ 5 คนต่ออาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก 1 คน เว้นระยะห่างระหว่างกลุ่ม 7. การจัดกิจกรรมภายในศูนย์ฯ ยึดหลักเกณฑ์ 2 ตร.ม./คน จัดพื้นที่การเรียนรู้เป็นรายบุคคลและลดเวลาทำกิจกรรมเท่าที่จำเป็น ใช้อุปกรณ์เป็นรายบุคคล
8. กิจกรรมที่ควรงด งดการต่อแถวแบบประชิดและกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มเกิน เช่น การแข่งกีฬา 9. การทำความสะอาด โดยเฉพาะพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน 10. อุปกรณ์สื่อการเรียนรู้ ส่งเสริมพัฒนาการเด็กทุกประเภทมีเพียงพอแก่เด็กทุกคน 11. อุปกรณ์ของใช้ของเด็กที่ทำจากผ้า ทำความสะอาดทุกวัน เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว 12. ทำความสะอาดร่างกาย (อาบน้ำ) อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กทำความสะอาดร่างกายก่อนปฏิบัติหน้าที่ 13. ตรวจร่างกายประจำปี (อาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก) อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กตรวจร่างกายปีละ 1 ครั้ง 14. การยืนยันและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพร้อมปรับแผนการเรียนการด้วยเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย ผลิตคลิปวิดีโอ จำนวน 41 คลิป (ล่ามภาษามือ) เพื่อเปิดโอกาสให้คนพิการได้เรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนการสอนผ่านสื่อออนไลน์ด้วยวิธีไลฟ์สด วันละ 2 ช่วงเวลา คือ 10.00-12.00 น. และ 13.00-15.00 น. ช่วงเวลาละ 2 วิชา หลักสูตรระยะยาว เริ่มการออนไลน์ (ทฤษฎี) ในวันที่ 1 ก.พ. 64 ในวิชาที่คนเรียนจำนวนมาก ได้แก่ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ วิชาที่ต้องมีการเรียนภาคปฏิบัติ เช่น การนวดแผนไทย การตัดผม (เสริมสวย) ฯลฯ จะเรียนภาคทฤษฎีผ่านสื่อออนไลน์
ส่วนภาคปฏิบัติ อาจารย์จะนัดกลุ่มมาฝึกปฏิบัติโดยอยู่ในมาตรการ social distancing โดยมีมาตรการเสริม ประกอบด้วย มีการตรวจคัดกรอง มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล จัดให้มีการระบายอากาศภายในอาคาร งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนในสถานศึกษา ติดตามสอบถามผู้เรียน กรณีลาป่วย หยุดเรียนตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป ปิดชั้นเรียนเมื่อพบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน ห้ามรับประทานอาหารในห้องเรียน และจัดให้มีสถานที่รับประทานอาหารโดยเว้นระยะห่าง และอากาศถ่ายเทสะดวก