ศบค.กทม. เผย วันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพิ่ม 47 ราย โดย 1 ราย มีความเชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาคร สั่งกำชับให้ทุกเขตตรวจสอบไม่ให้มีการเปิดผับบาร์ คาราโอเกะ อย่างเข้มงวดทุกพื้นที่ ส่วนร้านอาหารให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT
วันนี้ (7 ม.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ครั้งที่ 5/2564 โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.กทม. เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
ที่ประชุมรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. พบผู้ป่วยเพิ่ม 47 ราย โดย 1 รายมีความเชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาคร
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นในการระงับยับยั้งการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งระบาดแบบกลุ่มก้อนในเขตหลายเขตพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อการสกัดและยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป โดยข้อกำหนดดังกล่าว ประกอบด้วย ข้อ 1. การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้ผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่ กิจกรรม หรือกิจการต่างๆ ดำเนินการเพื่อให้ผู้ใช้บริการ ผู้เดินทาง และประชาชนทั่วไปปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และติดตั้งแอพพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการโรค ข้อ 2. การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะของประชาชนในการเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดการเดินทางในช่วงนี้ ข้อ 3. การปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค โดยให้กวดขัน สอดส่อง และเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการเปิดให้มีการมั่วสุมลักลอบเล่นการพนัน และข้อ 4. โทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จะเป็นความผิดซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ด้วย
ที่ประชุมกำชับให้สำนักงานเขตลงพื้นที่ตรวจสอบไม่ให้ให้มีการเปิดผับบาร์ คาราโอเกะ ตามประกาศกรุงเทพมหานครอย่างเข้มงวด อย่าผ่อนปรน ในส่วนของร้านอาหารให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT ได้แก่ D : Social Distancing เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เลี่ยงการอยู่ในที่แออัด M : Mask Wearing สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand Washing ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ T : Temperature check การตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในกรณีที่มีอาการเข้าข่าย และ T : Thai Cha Na สแกนไทยชนะก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง เพื่อให้มีข้อมูลในการประสานงานได้ง่ายขึ้น