วันนี้ (7 ม.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ชี้แจงสาระสำคัญของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17) โดยสาระสำคัญของข้อกำหนดฉบับนี้มี 3 ข้อคือ
ข้อ 1. การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค เน้นย้ำว่าประชาชนต้องมีแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อติดตามตัว เดิมใช้แอปพลิเคชันไทยชนะอยู่ แต่หลังจากนี้ต้องมีการติดตั้งแอปพลิเคชัน หมอชนะด้วย
โดยให้ประชาชนติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ควบคู่การใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็น “พื้นที่ควบคุมสูงสุด”
โฆษก ศบค.กล่าวว่า มีการพูดคุยในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ว่า ต่อไปนี้หากพบว่าผู้ติดเชื้อโควิด ไม่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะก็จะถือว่าละเมิดกฎหมายตามข้อกำหนดนี้ นี่คือ สิ่งที่จะค่อยๆ เข้มข้นขึ้น เพราะมีหลายครั้งไม่สามารถติดตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วยออกมาได้ ฉะนั้นหมอชนะจะเป็นคำตอบของการระบาดในระลอกนี้
ข้อ 2. ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางคมนาคมและยานพาหนะของประชาชนเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร เพื่อสกัดคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่ ให้ตั้งจุดตรวจหรือจุดสกัดเพื่อคัดกรองการเดินทางเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มข้น และให้ผู้ที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดติดตั้ง และใช้ระบบแอปพลิเคชันหมอชนะ โดยบุคคลที่จะออกนอกพื้นที่ ต้องแสดงเหตุผลความจำเป็น บัตรประชาชน บัตรแสดงตนอื่นๆ ควบคู่กับเอกสารรับรอง ต่อเจ้าหน้าที่
ข้อ 3. ปราบปรามลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาด ดำเนินการกับผู้ปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้ออำนวยหรือสมรู้ร่วมคิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานเถื่อนและบ่อนพนันอันเป็นต้นตอของการระบาด
โทษของผู้ฝ่าฝืน จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้จงใจปกปิดข้อมูลเดินทาง ถือว่ามีความผิดด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป