ถือเป็นบทพิสูจน์ความเป็นองค์กรชั้นนำของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ในฐานะภาคธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติ ประจำปี 2563 จากการรับรองของสถาบันชั้นนำระดับประเทศ และต่างประเทศถึง 4 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ , ดัชนี FTSE4Good Index, หุ้นยั่งยืนในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 และ หุ้นยั่งยืน THSI
เริ่มกันที่ “ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์” (Dow Jones Sustainability Indices) หรือที่รู้จักกันในชื่อ DJSI เป็นการประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้วิธีจัดทำดัชนีที่เป็นระบบและโปร่งใส ของ S&P Dow Jones Indices มาผสานกับข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจากการประเมินแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนของบริษัทจาก RobecoSAM ซึ่งซีพี ออลล์ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่ม World Index ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2561-2563) และกลุ่ม Emerging Markets Index ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 (2560-2563) แล้ว สำหรับในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing
ขณะที่ FTSE Russell (Financial Times Stock Exchange Russell) ซึ่งถือเป็นบริษัทอิสระจัดตั้งขึ้นโดย The Financial Times และ London Stock Exchange เพื่อจัดทำดัชนีในระดับสากลซึ่งได้รับการยอมรับจากความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการจัดทำดัชนีให้ตลาดหลักทรัพย์หลายๆ แห่งทั่วโลก อาทิ ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซ่ามาเลเซีย ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เป็นต้น
ก็ได้คัดเลือกให้ซีพี ออลล์ เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ในกลุ่ม Food & Drug Retailers ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2561-2563) อีกทั้งยังมีคะแนนสูงสุดติด 1 ใน 5 ของบริษัทชั้นนำทั่วโลกในกลุ่มค้าส่งค้าปลีกอาหาร และอุตสาหกรรมการให้บริการผู้บริโภค
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า กว่า 30 ปี ที่ผ่านมาบริษัทไม่เพียงแต่ยึดมั่นตามปรัชญาองค์กร “เราปรารถนารอยยิ้มจากลูกค้า ด้วยทีมงานที่มีความสุข” แต่ภายใต้วิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน เพื่อเป็นองค์กรที่อำนวยความสะดวกให้ชุมชน สังคม มีความกินดี อยู่ดี มีความสุข ซีพี ออลล์ เชื่อว่าการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ด้วย
“เพราะเราเชื่อว่า ธุรกิจจะสามารถเติบโตไปอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนได้นั้น สังคม และประเทศจะต้องเข้มแข็งไปพร้อมๆ กัน ด้วยปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน ซีพี ออลล์ถือเป็นความรับผิดชอบในการร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการบริหารจัดการที่ดีตลอดห่วงโซ่อุปทาน มีการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส เป็นธรรมและเท่าเทียม โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ บริษัทยังมีการจัดทำแผนต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) และให้โอกาสบุคลากรในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างทั่วถึง” นายธานินทร์ย้ำ
จากแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืนข้างต้น ในปีนี้ สถาบันไทยพัฒน์ จึงคัดเลือกซีพี ออลล์ ให้อยู่ใน Universe ของหลักทรัพย์ ESG 100 กลุ่มบริการ (Services) ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 (2561-2563) จากผลงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) ซึ่งมีหลักทรัพย์เข้าร่วมการประเมินถึง 803 หลักทรัพย์ เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งเพิ่งจะประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 ให้ซีพี ออลล์ เป็นหุ้นยั่งยืน เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (2561-2563) ในกลุ่มบริการ (Services) ซึ่งมาจากการประเมินอย่างครอบคลุม มุ่งเน้นวัดผลในด้านกระบวนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน 4 ระดับ ได้แก่ การกำหนดนโยบาย การตั้งเป้าหมายและการนำนโยบายไปปฏิบัติ การวัดผลลัพธ์จากการดำเนินการ และการเปิดเผยข้อมูลของบริษัท ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติมาอย่างต่อเนื่องนับแต่ก่อตั้งธุรกิจจนถึงปัจจุบัน
การได้รับการการันตีโดยสถาบันชั้นนำทั้ง 4 แห่ง ทำให้เห็นว่า “ซีพี ออลล์” เป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนปี 2563 นี้อย่างแท้จริง