โอกาสของผู้มีใจรักในดนตรีมาถึงแล้ว! “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านดนตรีของคนไทย ประสานมือกับวิทยาลัยดุริงยางคศิลป์ ม.มหิดล เปิดตัว ‘THE POWER BAND’ เวทีประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม ผสมเครื่องเป่า ประจำปี 2564
จากความสำเร็จอย่างงดงามของโครงการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ (TIWSC) ภายใต้การสนับสนุนของโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัดนี้ก็ถึงเวลาอีกวาระแล้วที่คนดนตรีจะได้มีโอกาสมาประชันแข่งขันความสามารถกันอีกครั้งบนเวที THE POWER BAND ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินรางวัลกว่า 680,000 บาท งานนี้ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด และสามารถส่งผลงานให้กรรมการคัดเลือกได้ตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2564
คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์
‘เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย’
จากแนวคิดของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย “อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวถึงเป้าหมายของการจัดโครงการนี้ว่า ต้องการให้เป็นเวทีดนตรีคุณภาพที่เปิดกว้างให้กับเยาวชนและคนไทยได้แสดงพลังอย่างสร้างสรรค์ พร้อมผลักดันให้คนไทยกล้าคิดและกล้าแสดงพลังทางด้านดนตรีของตนเองออกมาอย่างเต็มที่
“มิวสิก เพาเวอร์ หรือว่าพลังแห่งดนตรี เป็นหนึ่งใน 3 แกนหลักที่ทางกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด รวมทั้งสปอร์ต เพาเวอร์ และคอมมูนิตี้ เพาเวอร์ ซึ่งในส่วนของมิวสิก เพาเวอร์ เราก็ได้ร่วมมือกับทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการประกวดดนตรีตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เราได้เห็นว่า เยาวชนคนไทยก็มีฝีมือทางด้านดนตรีไม่แพ้ชาติใดในโลก 3 ปีที่ผ่านมา เราเห็นการเติบโตของการจัดงานทุก ๆ ครั้ง มีคนไทยและต่างชาติซึ่งมีความสามารถด้านดนตรีเข้าร่วมประกวดสูงกว่า 2,600 คน”
ในแง่ของโอกาส ซีอีโอแห่งกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มองว่า THE POWER BAND จะเป็นเวทีที่ทำให้น้อง ๆ เยาวชนคนไทยของเราได้แสดงศักยภาพ เป็นการผลักดันให้พวกเขาก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพต่อไปได้ในอนาคต
“นอกจากนี้ เวทีที่เราจัดนี้ ก็ยังเป็นเหมือนสปริงบอร์ดให้น้อง ๆ ที่ชนะจากการแข่งขันในครั้งที่ผ่าน ๆ มา มีโอกาสเพิ่มขึ้นในการไปแข่งขันในระดับโลก เช่นน้อง ๆ นักเรียนวงสุรนารี จ.นครราชสีมา ก็ได้มีโอกาสไปแข่งขัน ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก และได้รับรางวัลกลับมาด้วย สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า เด็กไทยนี่เก่งมาก มีความตั้งใจ มีความพยายาม เมื่อไหร่ที่มีเวทีให้เขาได้ทดสอบตัวเอง เขาจะมีความตั้งใจมาก”
แน่นอนว่า การแข่งขันย่อมต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ แต่นั่นหาใช่สาระสำคัญทั้งหมดของการประกวด และสำหรับ “อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” มองว่า ประโยชน์ที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับ มีมากกว่านั้น
“เพราะน้อง ๆ ที่เข้ามาประกวด ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ เขาจะได้มาเห็นว่า การที่จะต้องเริ่มเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพเป็นยังไง การที่จะต้องเติบโตต่อไปในวงการดนตรีที่เขารัก จะเป็นอย่างไร เราไม่อาจทราบได้ว่า ผู้ชนะ ต่อไปเขาจะไปมีความสามารถจนไปสู่ระดับโลกได้หรือเปล่า เพราะบางทีอาจจะเป็นผู้แพ้ก็ได้ที่ไปถึงเวทีโลก แต่ว่าแพ้แล้วต้องพยายาม ต้องลุกขึ้นมาสู้ต่อ
“สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ น้อง ๆ เยาวชนคนไทยได้มีเวทีเพื่อให้เขาเข้าไปมีความอินกับดนตรี เป็นการจุดประกายให้เขาอยากเข้าไปสู่แวดวงนี้ แล้วเขาก็จะไปพัฒนาตัวเองต่อไป และอีกอย่าง การที่มีชาวต่างชาติเข้ามาแข่งด้วย น้อง ๆ เยาวชนเหล่านี้เขาก็ได้ไปเชื่อมสัมพันธไมตรี ได้มิตรภาพกลับมา ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ได้แลกเปลี่ยนวิธีการฝึกซ้อม นี่คืออีกหนึ่งคุณค่าของการเข้ามาสู่เวทีนี้ครับ” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น
แพ้ชนะไม่สำคัญ
นี่คือ “โอกาส” ทำตามฝันของตนเอง
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวด้วยความรู้สึกยินดีในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการจัดประกวดดนตรี THE POWER BAND ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ อีกครั้ง โดยมองว่า เวทีนี้มีความโดดเด่นแตกต่างจากเวทีอื่น ๆ เพราะเป็นการฟีเจอริ่งระหว่างเครื่องเป่า และวงดนตรีสากลสมัยนิยม ซึ่งทำให้ได้เห็นฝีมือของเยาวชนคนไทยแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยเท่าไรนัก
“ผมคิดว่าแพ้ชนะไม่สำคัญ อย่างการแข่งขันอื่น ๆ อาจจะสนใจเรื่องการแพ้ชนะ แต่ว่าตั้งแต่เราร่วมกับคิง เพาเวอร์ เราสนใจผู้แพ้ด้วย เพราะว่าผู้แพ้มีจำนวนมากกว่าผู้ชนะ เพราะฉะนั้น ทำอย่างไรผู้แพ้จะมีโอกาสได้กลับมาอีก มันก็เลยกลายเป็นโครงการต่อเนื่องที่เราทำมา 3 ปี อย่างปีที่แล้วแพ้ ปีนี้ก็กลับมาใหม่ได้ ก็ยังมีโอกาสเสมอ”
“เพราะฉะนั้น การที่เราจัดประกวดทุก ๆ ปี มันเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้เขาฝึกและตั้งจุดมุ่งหมายว่า ปีหน้าเราจะต้องกลับมาแข่งใหม่ เราจะต้องชนะ เราจะต้องดีขึ้น การทำแบบนี้เป็นการฝึกและเปิดพื้นที่ให้น้อง ๆ ได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ด้วย เพราะผมเห็นว่า พื้นที่ในการแสดงออกเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเยาวชน”
ด้านศิลปินหนุ่ม “พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข” หรือ “ปั๊บ โปเตโต้” ซึ่งมาร่วมแชร์ประสบการณ์บนเส้นทางสายดนตรี กล่าวว่ารู้สึกดีใจแทนน้อง ๆ ที่มีผู้ใหญ่ใจดีเปิดเวทีเปิดพื้นที่ให้ได้แสดงออก เพราะมองเห็นความสำคัญและคุณค่าของดนตรี
“THE POWER BAND เป็นการเปิดโอกาสให้คนดนตรีที่อยากเป็นนักดนตรีอาชีพได้ทำตามความฝันของตนเอง ได้มีพื้นที่ปล่อยของและได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ โอกาสดี ๆ แบบนี้ ไม่ได้มีบ่อย ฉะนั้น ตั้งเป้าและตั้งใจไว้นะครับ สิ่งสำคัญคือ อยากให้เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในพลังของตัวเองและภูมิใจในตัวเองเยอะ ๆ ในสิ่งที่เราได้ทำ เพราะว่ามันจะช่วยพัฒนาตัวเราต่อไปได้เรื่อย ๆ
“แน่นอนว่า ในระหว่างทาง มันอาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ถ้าสำเร็จแล้ว มันคุ้มค่าจริง ๆ อย่าไปกลัวอุปสรรคหรือปัญหาครับ เพราะปัญหาและอุปสรรคเป็นสิ่งที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า และไม่ต้องไปกลัวว่าเราจะกลัว เพราะว่าความกลัวมันก็ทำให้เรากล้าได้เหมือนกัน สำหรับผมก็ยินดีมาก ๆ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าประกวดทุกคน ขอให้ทุกคนสนุกกับการทำตามความฝันครับ” ปั๊บ โปเตโต้ กล่าวทิ้งท้ายให้กำลังใจ
สำหรับ THE POWER BAND แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.ประเภทบุคคลทั่วไป (Class E) 2.ประเภทมัธยมศึกษา (Class F) โดยผู้สนใจเข้าร่วมประกวด สามารถสมัครได้ฟรี พร้อมทั้งส่งคลิปไฟล์วิดีโอและเตรียมเพลงสำหรับการประกวดจำนวน 2 เพลง แบ่งเป็นเพลงเร็ว 1 เพลง และเพลงช้า 1 เพลง โดยสมัครและส่งผลงานทางออนไลน์ได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/tiwsc ได้ตั้งแต่วันนี้-5 ม.ค. 2564 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-800-2525 ต่อ 3109 หรือทาง Facebook : Thailand International Wind Symphony Competition