รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว เผย ระยะกักตัว 10 วัน และ 14 วัน มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ยังต้องเสนอเข้า ครม. อีกครั้งเพื่อพิจารณาวันกักตัวของนักท่องเที่ยว
วันนี้ (13 พ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน Smart Living with Covid-19 ทําความเข้าใจสื่อ “เปิดประเทศปลอดภัย เศรษฐกิจไทยไปรอด” โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน เพื่อทําความเข้าใจถึงนโยบายการเปิดประเทศอย่างไร ให้คนไทยปลอดภัย และเศรษฐกิจไทยไปรอด โดย นายอนุทิน กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจําเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโรค ที่เข้มข้นในการล็อกดาวน์ ทําให้ส่งผลกระทบกับชีวิตประชาชนเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้ ประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงมีนโยบายให้คลายล็อกเปิดประเทศ บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้นําประสบการณ์ และองค์ความรู้ มาปรับเป็นมาตรการควบคุมโรค เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ การทยอยเปิดประเทศ ทั้งการตั้งด่านเฝ้าระวังคัดกรอง และควบคุมโรค โดยมีทีมสอบสวนโรค และอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน หรือ อสม. กว่า 1 ล้านคน ในการเฝ้าระวังมีการจัดสถานกักกันโรคทุกประเภท และห้องรับมากกว่า 8,000 ห้อง ห้องปฏิบัติการในการตรวจหาสารพันธุกรรม ของเชื้อโควิด-19 พร้อมจัดเตรียมยาฟาวิพิราเวีย กว่า 5 แสนเม็ด ห้องแยกโรค และเตรียมเพื่อรองรับการรักษา รวมถึงความร่วมมือจากภาคประชาชน ซึ่งมั่นใจว่าสิ่ง เหล่านี้ จะทําให้ประเทศไทยมีความพร้อม ในการเดินหน้าสู้กับโควิด-19 ภายใต้แนวคิด Smart Living with โควิด-19 คนไทยปลอดภัย เศรษฐกิจไทยไปรอด
ส่วนข้อเสนอการลดวันกักตัว ผู้เดินทางจากประเทศที่มีความเสี่ยงโรคโควิด จาก 14 วัน เหลือ 10 วันนั้นยังอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่ข้อมูลล่าสุดพบว่าระยะกักตัว 10 วัน และ 14 วัน มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน และเมื่อออกจากที่กักกันโรคจะใช้มาตรการป้องกันส่วนบุคคล อย่าง เคร่งครัด เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และมี ระบบติดตามตัวทุกคน เพื่อรายงานอาการป่วย
นายอนุทิน กล่าวว่า จะดําเนินการผ่าน 3 P for Safety คือ Post Safety ด่านควบคุมโรคปลอดภัย มีระบบเฝ้าระวังคัดกรอง และ ควบคุมโรค, Policy for National quarantine Safety จัดทํานโยบายควบคุมโรค ระดับชาติ มีระบบกักกันโรค และสถานที่กักกันโรคที่ได้มาตรฐาน, Public Health Emergency Operation Center ฉุกเฉิน ที่เป็นระบบทางการเฝ้าระวัง และสอบสวนโรคเชิงรุก โดยจะมีการจัดทีมสอบสวนโรค กว่า 3,000 ทีมทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเฝ้าระวัง และตรวจห้องปฏิบัติการ ในกลุ่มที่มีอาการเข้าเกณฑ์ เช่น ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ผู้ต้องขังแรก รวมถึงแรงงานต่างด้าวด้วย